7 เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้ Social Media Marketing ของคุณดีขึ้น!

ปัจจุบัน Social Media Marketing  มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์การตลาดของหลายบริษัท อัตราการใช้ Social Media ในการทำ Marketing เติบโตสูงขึ้นมากโดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะที่คุณกำลังอ่านบทความนี้ คุณก็อาจจะเป็นหนึ่งในคนที่กำลังทำการตลาดผ่าน Social Media อยู่ก็เป็นได้

ถ้าหากมีเวลาเพียง 60 วินาที ในใช้ชีวิตประจำวัน หรือการทำงานของคุณ คุณจะทำอะไรได้บ้าง?

แค่หยิบสมาร์ตโฟนเริ่มเช็ก Email ก็ยังอ่านไม่ทันจะจบ ยังเช็กไม่ครบทุกข้อความก็หมดเวลา 60 วินาทีนั้นแล้ว

แต่คุณรู้ไหมว่า เวลาเพียง 60 วินาที บนโลกที่ไม่เคยหลับใหลนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? โดยถ้าเราเจาะลึกลงไปในโลกของ Facebook เราจะเห็นได้ว่า

ทุกๆ 60 วินาที จะมีคนกดไลก์กว่า 3 ล้านไลก์

ทุกๆ 60 วินาที จะมีคนกดแชร์ลิงก์และข้อมูลอื่นๆ กว่า 3.2 ล้านครั้ง

และทุกๆ 60 วินาที จะมีการ Like & Share ข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นใน Facebook กว่า 15 ล้านครั้งทั่วโลก

รู้แบบนี้แล้ว คุณคิดว่ากลยุทธ์ Social Media Marketing ของคุณจะสามารถคว้าประโยชน์จากตัวเลขพวกนี้ได้เท่าไหร่คะ?

ถ้าคุณมีความมั่นใจในสิ่งที่คุณทำอยู่แล้ว ว่า Facebook ของคุณสามารถเพิ่ม Leads ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ดึงดูดคนเข้ามาเว็บไซต์หลักของคุณได้มากอยู่แล้ว หรือถ้าคุณสามารถบรรลุเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ ได้ตามที่ตั้งใจไว้อยู่แล้ว เราก็ยังอยากให้คุณลองอ่านบทความนี้ เพราะเรามั่นใจว่า คุณจะสามารถทำให้ Facebook ของคุณเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณได้แม่นยำมากขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับบทความนี้เราจะมาพูดถึง 7 เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้การตลาดผ่าน Social Media ของคุณไม่หลงทาง!

#1 คุณต้องทำการบ้านก่อนทำ Social Media Marketing

สำหรับการเริ่มทำการตลาดบนโลกออฟไลน์ ถ้าหากคุณต้องการจะขายสินค้าสักชิ้นหนึ่ง คุณคงจะต้องเริ่มจากการมองภาพรวมของตลาด แล้วจึงค่อยๆ เจาะลึกลงไปด้วยการใช้กลยุทธ์ STP หรือการแบ่งส่วนตลาด เลือกตลาดเป้าหมาย และวางตำแหน่งสินค้าของคุณในตลาด เพื่อใช้ในการทำคอนเทนต์ ทำโฆษณา หรือสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายของคุณใช่ไหมคะ?

เพราะคุณคงรู้ดีว่า เมื่อคุณผลิตสินค้าขึ้นมา คุณไม่สามารถขายสินค้าชิ้นนี้ให้กับคนทั้งประเทศได้ หรือ “One size doesn’t fit all”

เพราะฉะนั้นจุดเริ่มต้นของการทำการตลาดบนโลกออนไลน์นั้นจะไม่ได้ต่างอะไรกับโลกออฟไลน์เลยค่ะ ในขั้นตอนแรกนี้ คุณต้องเลือกตลาดที่คุณจะเข้าไป โดยคุณจะต้องศึกษาและหาข้อมูลก่อนว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร พวกเขาสนใจคอนเทนต์หรือโพสต์ประเภทไหน หรือพวกเขามีปัญหาหรือมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ซึ่งหนึ่งในวิธีการระบุตัวกลุ่มเป้าหมายของคุณที่ง่ายที่สุด คือ การทำ Buyer Persona หรือการสร้างกลุ่มเป้าหมายในอุดมคติของคุณขึ้นมาค่ะ

ซึ่ง Buyer Persona นั้นก็คือ การศึกษาเกี่ยวกับคนที่คุณต้องการจะรู้จักก่อน เช่น เขาอาศัยอยู่ที่ไหน เขาทำงานอะไร เขาสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณกำลังรู้สึกสนใจใครสักคน ทั้งๆ ที่คุณก็ไม่รู้ว่า คุณจะเข้ากับคนๆ นั้นได้ดีแค่ไหน ดังนั้นคุณจึงต้องเริ่มหาข้อมูล หรือศึกษาเกี่ยวกับคนพิเศษของคุณเสียก่อน เช่น อายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร อาศัยอยู่ที่ไหน สนใจเรื่องอะไร หรือจะติดต่อคนพิเศษของคุณด้วยวิธีไหนดี

หลังจากที่คุณได้ข้อมูลทั้งหมดนี้มา คุณจะเริ่มมีแนวทางในการหาข้อมูลว่า คุณจะเข้าหาเขาด้วยช่องทางไหน หรือจะส่งข้อความแบบไหนให้เขารู้สึกสนใจในตัวคุณหรือสินค้าของคุณค่ะ และที่สำคัญ คุณจะต้องตั้ง Goals & Objectives ของคุณด้วยนะคะ มาถึงตรงนี้เราอยากให้คุณลองคิดดูถึงจุดประสงค์ในการทำ Social Media Marketing ของคุณ ค่ะ

คุณต้องย้อนกลับไปคิดก่อนว่า Objective ของคุณคืออะไร? คือต้องการที่จะกระตุ้น Brand Awareness เพิ่ม Engagement ขยายฐานลูกค้า หรือต้องการเพิ่มยอดขาย?

#2 บางทีก้าวเล็กๆ นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะ

หลังจากที่คุณรู้ว่าคนพิเศษของคุณคือใคร พวกเขาสนใจเรื่องอะไร และจะติดต่อพวกเขาที่ช่องทางไหนดี ดังนั้นในการที่คุณต้องการจะเลือก Social Media Platform สักตัวก็จะไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย ถ้าหากคุณไม่ได้ข้ามข้อ 1 ไป เพราะคุณจะรู้แล้วว่าคุณควรจะติดต่อกับคนพิเศษของคุณด้วยวิธีไหน หรือช่องทางไหน

ยกตัวอย่าง เช่น

ถ้าคุณเลือกใช้ Instragram คุณอาจจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่ใช้รูปหรือวิดีโอในการอธิบาย

แต่ถ้าคุณเลือก Twitter คุณอาจจะต้องโพสต์ข้อความสั้นๆ หรือวิดีโอ พร้อมกับติด #Hashtag เท่ๆ เพื่อสร้างกระแส และตามเทรนด์ที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่

หรือถ้าคุณเลือก Facebook คุณจะสามารถทำคอนเทนต์ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การแชร์บทความ รูป อัลบั้ม หรือวิดีโอ

แต่ “คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุก Social Media Platform ในการติดต่อกับพวกเขา คุณสามารถเลือกเพียงแค่ 1-2 platform” ก็พอแล้วค่ะ

ถึงแม้ว่าการเลือกใช้ Platform หลายๆ ช่องทางจะสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงคนจำนวนมากได้ แต่ถ้าเกิดคุณไม่มีเวลาดูแลทุกช่องทางอย่างทั่วถึง ผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่น่าพอใจ

ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำว่า คุณควรเลือกให้ความสำคัญกับช่องทางที่ใช่และให้ความสำคัญกับช่องทางนั้น แน่นอนว่าคุณจะสามารถเข้าถึงและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะดูแลพวกเขาได้ไม่ทั่วถึงได้แน่นอนค่ะ

อย่าลืมว่า Quality นั้นดีกว่า Quantity แน่นอน

#3 Content, Content, Content สำคัญ อย่าละเลย!

เป็นธรรมดาที่คนเรานั้นคงจะอยู่ไม่ได้ โดยที่ไม่มีหัวใจใช่ไหมคะ?

เพราะฉะนั้นการทำ  Social Media Marketing ที่ปราศจากคอนเทนต์ที่เปรียบเสมือนหัวใจร่างกายส่วนอื่นก็คงจะทำงานต่อไปไม่ได้

ดังนั้นในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องตัดสินใจก่อนว่า Facebook ของคุณจะออกมาในธีมไหน คอนเทนต์ของคุณจะเป็นยังไง เช่น ให้ความรู้ เพื่อความบันเทิง หรือให้ข้อคิด  ซึ่งจะแตกต่างกันไปตาม Platform ที่คุณเลือกใช้ค่ะ โดยคุณไม่จำเป็นจะต้องมีการ Hard sale ทุกโพสต์เลยด้วย ตราบใดที่คุณสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณที่กลุ่มเป้าหมายสนใจได้ค่ะ

เพื่อให้คุณเห็นภาพมากขึ้น เราจะมาดูตัวอย่างคอนเทนต์ ของ Magnetolabs กันค่ะ

ดูภาพประกอบไปด้วยนะคะ คุณจะเห็นได้ว่าคอนเทนต์ของเราจะไม่มีการขาย แต่จะเน้นไปที่การให้ความรู้ โดยจะเน้นไปที่ Core competencies ของเรา นั่นก็คือ Inbound Marketing ที่เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งควบคู่ไปกับศิลป์ของการทำ Design และแชร์เรื่องราวใน Office ของเราอีกด้วย ถ้าอยากเรียนรู้การทำคอนเทนต์คุณสามารถไปศึกษา Content Strategy เพื่อเป็นตัวช่วยดีๆ ให้กับการทำคอนเทนต์สำหรับธุรกิจนะคะ

#4 อย่าลืมว่า ความเสมอต้นเสมอปลาย ถือเป็นสิ่งที่ดีนะคะ

เราเชื่อว่าทุกคนย่อมมีคนพิเศษของตัวเองใช่ไหมคะ? เวลาที่คุณไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณก็จะต้องมีการส่งข้อความหาเขา ไม่ว่าจะเป็น ตอนนี้กำลังทำอะไร มีเรื่องอะไรพิเศษไหม หรือคุณมีอะไรที่อยากจะบอกเขาหรือเปล่า

เหมือนกับการทำ Social Media Marketing เลยค่ะ คือคุณจะต้องพยายามโพสต์รูปภาพ หรือคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความห่างเหินกับคนพิเศษของคุณค่ะ

ดังนั้นคุณจึงต้องจัดตารางในการโพสต์คอนเทนต์ของคุณค่ะ และเพื่อให้การวางแผนทำ Social Media Marketing ของคุณนั้นเป็นระบบและสะดวกมากขึ้น เช่น จะโพสต์กี่โมง โพสต์อะไรบ้าง หรือวันนี้มีโพสต์ทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งการทำ Content Calendar จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำงานง่ายขึ้นค่ะ สามารถเข้าไปโหลด Content Calendar Template ฟรีได้ที่นี่เลยค่ะ

Tips: การทำ Content Calendar นั้นจะสามารถช่วยให้คุณบริหารจัดการตารางการโพสต์คอนเทนต์ได้ดีขึ้นกว่าเดิมและยังช่วยให้คุณสามารถติดตามผลได้ด้วยค่ะ

แต่ถ้าหากคุณมี Social Media Platform มากกว่า 2 ตัวแล้วละก็ เราขอแนะนำให้คุณหาตัวช่วยในการบริหารจัดการ อย่างเช่น Hootsuite หรือ Buffer ที่จะช่วยให้คุณสามารถตั้งโพสต์ข้อความลง Social Media Platform ทุกช่องทางพร้อมกัน ช่วยคุณตั้งเวลาโพสต์คอนเทนต์นั้นๆ ตอบคำถามลูกค้า และดูว่าใครกำลังพูดอะไรเกี่ยวกับสินค้า บริการและแบรนด์ของคุณบ้างภายในหน้าจอเดียวกัน แถมยังทำหน้าที่เป็น Social Monotoring Tool คอยวัดผล ROI ให้คุณได้อีกด้วยค่ะ

#5 พยายามสร้าง Engagement และ Action ระหว่างคุณกับคนพิเศษของคุณ

หนึ่งในสิ่งที่ Challenge ที่สุดของการทำ Social Media Marketing คือกระแสตอบรับจากลูกค้า หรือ Engagement ค่ะ ซึ่งหากธุรกิจของคุณยังไม่ใหญ่มาก คุณต้องเริ่มจากการนำข้อมูลที่คุณมีอยู่ในมือมาวิเคราะห์ค่ะ โดยเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับ Facebook ก็จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการวิเคราะห์จาก Facebook Insight ค่ะ

จากการทำ Buyer Persona คุณจะรู้ได้ว่า ลูกค้าของคุณชอบอะไร สนใจเรื่องอะไร หรือแม้แต่พวกเขามีความต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?

หลังจากที่คุณวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องสร้างคอนเทนต์ที่กลุ่มคนพิเศษของคุณสนใจ และใช้ Social Media ในการพูดคุยและรับฟังความต้องการของพวกเขาค่ะ

ถ้าอย่างนั้นเรามาดูตัวอย่างกันค่ะ

จากตัวอย่างนะคะ ทีม Magnetolabs ของเราค่อนข้างจะชอบเล่นเกมกันมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Board Game หรือ เว็บฝึกฝนฝีมือหลายๆ อย่าง เช่น Kerning Test และอื่นๆ อีกมากมาย เราจึงอยากแชร์ให้กับคนที่ติดตามและไลก์เพจของเราเล่นกัน ส่วนผลลัพธ์ที่เราได้ก็น่าชื่นตาบานกันไปค่ะ 🙂

#6 พยายามดึงดูดคนให้เข้ามาที่เว็บไซต์หลักของคุณ

เหตุผลที่ต้องดึงดูดคนเข้ามายังเว็บไซต์หลักของคุณ เพราะเว็บไซต์นั้นเปรียบเสมือนบ้านของคุณนั่นเอง เพราะในอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า Social media จะมีการปิดตัวลง เกิดความผิดพลาดอะไร หรือยกเลิก features อะไรออกไปหรือไม่ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเลือกที่จะพึ่งพาแต่ Social Media Platform ที่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของนั้นอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณควรออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ สวยงาม น่าสนใจและน่าเชื่อถือสำหรับคนพิเศษของคุณค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างทำเว็บไซต์ หรือ Redesign เว็บไซต์ของคุณก็ตาม

มาถึงตัวอย่างกันนะคะ

คอนเทนต์ของ Magnetolabs จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้กับคนพิเศษของเรา ดังนั้นเราจะเลือกที่จะแชร์ลิงก์จาก Blog ที่เราสรรสร้างขึ้นเพื่อพวกเขา ซึ่งถ้าหากพวกเขาสนใจกับสิ่งที่เรามอบให้ พวกเขาก็จะเข้ามาที่เว็บไซต์หลักของเราค่ะ

ดังนั้นถ้าหากเราทำเว็บไซต์ออกมาให้ตอบโจทย์ สวยงาม น่าสนใจและน่าเชื่อถือก็จะมีโอกาสที่จะดึงดูดพวกเขาจะไปดูคอนเทนต์อื่นๆ ในเว็บไซต์เราอีกด้วยค่ะ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะเป็นผลดีสำหรับบริษัทที่มุ่งเน้นในการทำคอนเทนต์เพื่อให้ความรู้ หรือยึดตามวิถี Inbound Marketing ค่ะ

Note: การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกวงการธุรกิจนะคะ แต่จะขึ้นอยู่กับ Goals & Objectives ของคุณค่ะ นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงควรกำหนด Goals & Objectives ให้ชัดเจนก่อนเริ่มลงมือทำนะคะ

#7 Track ผลลัพธ์เพื่อวัดผล

สุดท้ายแล้วในการสร้าง Awareness สำหรับแบรนด์ หรือ Facebook Page ของคุณ คุณจะต้องมาดูที่ผลลัพธ์ค่ะ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เพียงจำนวน Like & Share แต่จุดที่ Basic ที่สุดคือการเช็ก Facebook Page Insights เพื่อดูจำนวน Likes และเช็ก engagement อื่นๆ

มาถึงตรงนี้คุณคงคิดว่า เรื่องง่ายๆ เท่านั้นเราจะบอกคุณทำไมใช่ไหมคะ?

เราแค่อยากคุณว่า บางที features ที่ Facebook ให้มา อาจจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคุณแอบแฝงอยู่ในนั้นก็ได้นะคะ ยกตัวอย่าง เช่น

การ Track ข้อมูลแบบง่ายๆ ด้วย Facebook Pages Insight

เข้าไปที่ Insights แล้วเลือก People

คุณจะสามารถเห็นได้ว่าสัดส่วนของคนที่มาไลก์เพจและบทความของคุณว่ามีใครบ้าง ตรงกับ Buyer Personas ที่คุณตั้งไว้ไหม?

ซึ่งถ้าหากผลลัพธ์ออกมาตรงกับที่คุณตั้งไว้ นั่นหมายความว่าคุณมาถูกทางแล้วค่ะ แต่ถ้ายังไม่ตรงกับที่คุณตั้งใจไว้ คุณอาจจะต้องศึกษาคนพิเศษของคุณมากกว่านี้อีกสักหน่อยแล้วนำ finding ใหม่ๆ ที่คุณค้นพบมาปรับแนวคอนเทนต์ของคุณได้ค่ะ

แต่นี่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะบอกคุณนะ! เพราะจุดที่เราอยากให้คุณลองให้ความสำคัญและวิเคราะห์ดูจริงๆ คือตรงนี้ค่ะ

คุณจะเห็นได้ว่า คอนเทนต์ที่เราทำจะไปในทิศทางเดียวกันกับผลลัพธ์ที่เราได้ ในขณะที่เรามี Fans เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คอนเทนต์ที่เราทำก็จะ Reached ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเช่นเดียวกันกับ Engagement ของเรา คอนเทนต์ที่เราทำก็จะ Engaged ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงค่ะ

นอกจากนี้ถ้าหากคุณโพสต์ Blog ของคุณ อย่าลืมใช้ URL shortener เพื่อ Track จำนวนคลิก เพื่อที่จะ Track Analytic Data เพิ่มเติมได้ค่ะ

จากรูปด้านบน คุณจะเห็นว่า URL shortener จะแสดงให้เห็นว่า ลูกค้าของคุณคลิกจำนวนกี่ครั้ง เข้าด้วยBrowsers อะไร อาศัยอยู่ที่ไหน หรือแม้กระทั่งใช้ Platform อะไรในการเข้ามาดูหน้าเว็บของคุณ

สรุป

การทำ Social Media Marketing ในยุคดิจิทัลนี้ คงเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกๆ แบรนด์ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ แต่สำหรับโลกออนไลน์แล้ว เรากลับมองว่า มันคือเวที ที่ค่อนข้างมีความเท่าเทียมกัน เพราะเวทีบนโลกออนไลน์นั้น จะเน้นการประชันกันด้วยความคิดสร้างสรรค์โดยสำหรับบางแบรนด์อาจจะมีการซื้อโฆษณาเข้ามาช่วยในระดับหนึ่ง ในขณะที่โลกออฟไลน์นั้นจะแข่งขันกันด้วยจำนวนเงินเป็นส่วนมากค่ะ

แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรระวังไว้ คือ โลกออนไลน์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่นคือหนึ่งเหตุผลว่า ทำไมโลกออนไลน์ถึงเป็นเวทีที่น่าสนใจค่ะ ทุกๆ อย่างบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นคุณจึงควรที่จะคอยวิเคราะห์และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

อย่าลืมว่าอะไรที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จเมื่อก่อนนี้ อาจจะใช้ไม่ได้กับสมัยนี้ ดังนั้นอย่ายึดติดกับแพลนเดิมๆ มากจนเกินไป และเปิดใจรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามาค่ะ

เราหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับการทำ Social Media Marketing ของคุณนะคะ ถ้าหากคุณมีตรงไหนที่อยากให้เราอธิบายเพิ่ม หรือมีความเห็นต่างๆ คุณสามารถเขียนมาบอกเราได้ในคอมเมนต์เลยนะคะ