การทำเว็บไซต์ e-commerce ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก อินเทอร์เน็ตมีเครื่องมือมากมายพร้อมช่วยให้คุณสามารถดีไซน์และสร้างสิ่งต่างๆ ได้ตามใจนึก ทั้งเว็บไซต์สวยงามที่ตกแต่งได้อย่างละลานตา ไปจนถึงเว็บไซต์ง่ายๆ ที่มีรูปไม่กี่รูป
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าเว็บไซต์ e-commerce ที่สร้างเป็นเว็บไซต์ที่ดี และเป็นเว็บไซต์ที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต เราจะพาคุณไปดู 8 ลักษณะสำคัญที่เว็บไซต์ประเภทนี้ขาดไม่ได้กัน!!
1.User Experience เว็บไซต์ที่ดีต้องมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า
Fast & Friendly คือหัวใจหลักในการมอบประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้ (User Experience) ยิ่งเว็บไซต์ e-commerce ที่มีแบรนด์หลากหลายและมีการซื้อขายในเว็บไซต์ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับความเร็วและความง่ายต่อการใช้งาน เพราะผู้ใช้สามารถออกจากเว็บไซต์ไปเลือกแบรนด์อื่นได้ทันทีถ้าเห็นว่าเว็บไซต์ของเราใช้ยาก โหลดช้า หรือไม่ถูกใจ
ความเร็วส่งผลกับประสบการณ์อย่างไร
ทีมวิจัยของทาง Google ยืนยันว่าเว็บไซต์ที่มีความเรียบง่ายนั้นมีความดึงดูดมากกว่าเว็บไซต์ที่ซับซ้อน โดยคนที่เข้าเว็บไซต์จะใช้เวลาเพียง 0.5 วินาทีเท่านั้นในการคัดกรองด้วยสายตา นั่นเท่ากับว่าถ้าคุณมีเว็บไซต์ที่โหลดช้า อีกทั้งยังซับซ้อน ก็มีโอกาสที่คนจะกดออกได้ทันที
คุณสามารถอ่านเรื่องความเร็วของเว็บไซต์ต่อได้ที่นี่
User Friendly ปัจจัยสำคัญที่ห้ามพลาด
ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน เป็นอีกส่วนที่ส่งผลให้ประสบการณ์ผู้ใช้นั้นดีขึ้น โดยเว็บไซต์ต้องคำนึงถึงขนาดที่เหมาะสม รูปลักษณ์ สี และการปรับเปลี่ยนขนาดจอและปุ่มให้เหมาะกับผู้ใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อทำให้เว็บไซต์ตอบสนองต่อผู้ใช้ได้ดีที่สุด
การทำเว็บไซต์ให้ Mobile Friendly น่าจะเป็นเรื่องที่ส่งผลมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ทาง Think With Google ระบุว่าผู้ใช้กว่า 50% เลือกจะไม่ใช้เว็บไซต์ของแบรนด์ที่ไม่มี Mobile Friendly ต่อให้แบรนด์นั้นจะเป็นแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบก็ตาม
2.มีรูปแบบการจ่ายเงินที่สะดวกสบาย
สิ่งหนึ่งที่ผู้บริโภคสินค้าออนไลน์ต้องการคือความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน โดยเฉพาะในส่วนที่มีความยุ่งยากที่สุดอย่างการสั่งซื้อสินค้าและจ่ายเงิน
สถิติเกี่ยวกับ e-commerce ปี 2020 ระบุว่าผู้คนที่จับจ่ายซื้อของออนไลน์ เลือกที่จะใช้ Credit Card ในการจ่ายเงินกว่า 53% ตามมาด้วยการจ่ายด้วย Digital Payment 43% และ Debit Card 38% จะสังเกตได้ว่าทั้งสามอันดับมีเปอร์เซ็นต์ที่ห่างกันไม่มากนัก ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในการจ่ายเงินของผู้บริโภค
นั่นทำให้เว็บไซต์อย่าง Shopee, Lazada, JD รวมถึงเว็บไซต์ที่รองรับการสั่งสินค้าออนไลน์อื่นๆ เพิ่มช่องทางการรองรับการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากคุณต้องทำเว็บไซต์ e-commerce การทำช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมและง่ายต่อการใช้งาน ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นลูกค้าของคุณอาจหลุดลอยไปใช้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่สะดวกกว่าสำหรับพวกเขาได้ในทันที
3.มีการนำเสนอสินค้าแบบ Personalize และระบบ Search ที่รองรับความต้องการอันหลากหลาย
หากเว็บไซต์ของคุณมีสินค้ามากมาย การใส่ระบบ Search และ Filter เพื่อช่วยในการเลือกสินค้าคือปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าของคุณซื้อสินค้าง่ายขึ้นโดยระบบการค้นหาที่ดีนั้นควรมีการแยกสินค้าแบรนด์ต่างๆ ชนิดของสินค้า และเวลาที่สินค้าวางขายเพื่อทำให้การเลือกสินค้าของลูกค้านั้นสะดวกมากขึ้น
นอกจากการ Search แล้ว หน้า “สินค้าใหม่” และ “สินค้ายอดนิยม” ควรอ้างอิงจากฐานข้อมูลที่ลูกค้าชอบ จะทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนั้นหลายเว็บไซต์ยังสามารถใช้ช่องทางนี้หารายได้เพิ่มด้วยเก็บค่าโฆษณาสินค้าในหน้าแรก
ตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับกรณีนี้คือเว็บไซต์ Amazon ที่เป็น e-commerce เจ้าดัง จะเห็นว่าจากรูปจะมีตัวเลือกการกรอง Product ของลูกค้าอย่างชัดเจน รวมถึงมีการนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจพร้อมโปรโมชันต่างๆ อย่างโดดเด่น และมีปุ่ม Add to Cart สำหรับสั่งสินค้าได้ทันที
4.Live Chat คือตัวช่วยสำคัญสำหรับ e-commerce
การสั่งซื้อของออนไลน์เกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา และในบางครั้งหากเกิดปัญหา วิธีที่ลูกค้าเลือกจะทำคือการติดต่อเว็บไซต์โดยตรง การมี Live Chat เพื่อติดต่อประสานงานกับทีม Support โดยตรงถือเป็นสิ่งที่ต้องมี
สิ่งที่ Live Chat ส่งผลไม่ใช่แค่ความประทับใจของลูกค้าในการแก้ปัญหาเท่านั้น แต่การใส่ Live Chat ยังส่งผลถึง Conversion Rate โดยสถิติจาก Goinflow ระบุว่าเว็บไซต์ที่มี Live Chat ทำให้เกิด Conversion Rate ถึง 3.84% เลยทีเดียว และคาดว่า 85% ของธุรกิจทั่วโลกจะมีการใช้ Live Chat เข้ามาเป็นส่วนช่วยในปี 2022 อีกด้วย
5.มีคู่มือหรือคำแนะนำสำหรับการสั่งซื้อ
การสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ e-commerce มักมีความแตกต่างกันไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังมีผู้ใช้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน การใส่คำแนะนำสำหรับการสั่งซื้อ หรือวิธีการสั่งซื้อสำหรับผู้ใช้รายใหม่เข้าไปในเว็บไซต์ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หากเราเข้าเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Shopee และ Lazada ครั้งแรก ก็จะเห็นได้ว่ามีคู่มือการสั่งซื้อให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงปุ่มช่วยเหลือที่สามารถสังเกตได้ง่าย
6.ระบบ Security ต้องแข็งแกร่ง
เว็บไซต์ e-commerce กว่า 4,800 เว็บไซต์ตกเป็นเป้าโจมตีทางไซเบอร์ในช่วงปี 2018 ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งมีตั้งแต่การโดนปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ให้ใช้การไม่ได้ ไปจนถึงการเจาะข้อมูลลูกค้า
การวางระบบป้องกันหลังบ้านเพื่อป้องกัน Hacker ไม่ให้เข้ามาโจมตีได้โดยง่ายจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เว็บไซต์ทุกเว็บควรให้ความสำคัญ ไม่เช่นนั้นนอกจากจะตกเป็นเป้าได้ง่ายแล้ว อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในระยะยาว และส่งผลถึงระบบทั้งหมดภายในเว็บไซต์ของเราด้วย
7.มีการเข้าถึง Social Media จากหน้าเว็บไซต์ (และมีการโปรโมตเว็บไซต์ผ่าน Social Media)
Social Media และการซื้อขาย เปรียบเสมือนสิ่งที่อยู่คู่กันในตอนนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะการอาศัยโลกโซเชียลในการทำการตลาดเพื่อเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น นอกจากการเชื่อมต่อลิงก์ Social Media แล้ว การโปรโมทบนเว็บไซต์ว่าจะมีการแจกของ แจกรางวัลต่างๆ ผ่านโซเชียลเองก็ยังเป็นกลยุทธ์สุดฮิตที่ได้ผลอยู่เสมอเช่นกัน
ซึ่งการใช้ Social Media เองก็อาจต้องดูว่าแพลตฟอร์มไหนที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการของเรา มีตั้งแต่ Facebook, Twitter และ TikTok ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีกลุ่มลูกค้าก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย
8.มีหน้า Review เพื่อยืนยันคุณภาพสินค้าและบริการ
สิ่งสุดท้ายที่จำเป็นต้องมีสำหรับเว็บไซต์ e-commerce คือหน้ารีวิว ทั้งร้านค้าและสินค้า เนื่องจากผู้ซื้อในโลกออนไลน์บางส่วนมีการซื้อตามความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์และรีวิว การสร้างหน้า Review มาโดยตรงก็จะทำให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมในเว็บไซต์มากขึ้น
ตัวอย่างเช่นหน้า Review ของเว็บไซต์ Shopee ซึ่งจะมีทั้งระบบให้คะแนนร้านค้า บอกว่ามีการซื้อสินค้าตัวไหนและมีการซื้อเมื่อไหร่ ทำให้ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ว่าร้านนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ ควรซื้อสินค้าหรือเปล่า
สรุป
จากภาพรวมแล้ว ลักษณะสำคัญของเว็บไซต์ e-commerce ที่ดีในปัจจุบันคือการสร้างระบบที่เป็นมิตร เอื้อต่อผู้ใช้งาน ตอบสนองได้ทันใจ รวมถึงมีความน่าเชื่อถือ เพื่อทำให้คนทั่วไปสามารถใช้ได้อย่างสนิทใจ ทั้งผู้ใช้เก่าและผู้ใช้ใหม่ให้สามารถใช้งานได้ดีไม่ต่างกัน
หากคุณสนใจการสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ รวมถึงการทำการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ สามารถปรึกษาพวกเรา Magnetolabs ได้ที่นี่ เลยครับ
