218
SHARE

อัปเดต 5 เทรนด์การตลาดออนไลน์ที่นักการตลาดต้องรู้!

สมัยนี้โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญกับแวดวงธุรกิจมากขึ้น การดำเนินธุรกิจนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องตามกระแสเทรนด์ใหม่ๆ รวมถึงพฤติกรรมและปัจจัยต่างๆ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลายๆ คนอาจจะพอเดาได้กันอยู่แล้วในบางเรื่องไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น ปริมาณของคอนเทนต์ที่มากขึ้น หรือการทำธุรกรรมออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

แต่นอกเหนือจากเทรนด์เหล่านั้นละ จะมีอะไรแปลกใหม่ เข้ามาบ้างไหม?

งั้นเรามาจับตาดู 5 เทรนด์ การตลาดออนไลน์ กันดีกว่า ว่ามีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจกันบ้าง พร้อมวิธีการรับมือที่นักการตลาดอย่างคุณไม่ควรพลาด! เราหวังว่าหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ คุณอาจมีไอเดียใหม่ๆ ในการทำ การตลาดออนไลน์ และนำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณได้มากที่สุด 🙂

เทรนด์ที่ 1 Micro-Moments มาแรงมาก!

เทรนด์การตลาดออนไลน์

สมัยก่อนคนเราสามารถรับข่าวสารจากจำนวนช่องทางที่มีจำกัด เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และวิทยุ แต่ปัจจุบันนี้ที่สมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตของเรามากขึ้น และยังทำให้เราสามารถรับข่าวสารจากโลกออนไลน์ได้แทบจะตลอดเวลา หรือหาข้อมูลก็ง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก

ทำให้เกิดช่วงเวลา หรือ Moments ขึ้นมา ซึ่งจะเกิดขึ้นกับคนเราวันละหลายร้อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่คนเราต้องการจะรู้หรือทำอะไรสักอย่าง เราก็มักจะอยากตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ได้ในทันที และเราค่อนข้างมั่นใจว่ามันเกิดขึ้นกับแทบทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน (รวมถึงตัวเราเองด้วย แหะๆ)

Google จึงให้คำนิยาม “ช่วงเวลา” เหล่านั้นไว้ว่า Micro-moments หรือ “ช่วงเวลาที่ผู้บริโภคสามารถตอบสนองความต้องการเหล่านั้นด้วยสมาร์ทโฟนได้ในทันทีทันใด” ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 หมวดหลักๆ ได้แก่

1. I want to know moment หรือ ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้

Moment นี้มักจะเกิดขึ้นที่มีอะไรมาสะกิดใจเรา ทำให้ต่อมอยากรู้เราทำงาน แล้วเราก็จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตจากสมาร์ทโฟนของเราได้ทันทีทันใด

2. I want to go moment หรือ ฉันอยากจะไปตอนนี้

Moment นี้จะเกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาเราไปเที่ยว! เช่น เราไปญี่ปุ่นแล้วเราอยากรู้เส้นทางหรือแผนที่ไปสถานที่หนึ่ง เราก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา เปิด Maps ดูหรือพูดง่ายๆ เลยก็คือ การหา Direction ผ่าน Google นี่แหละ

3. I want to do moment หรือ ฉันอยากจะทำเดี๋ยวนี้ ตอนนี้

เราเชื่อว่าทุกคนอาจจะเห็นมีปัญหากับข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน หรือรถยนต์บ้างใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะเป็นลำโพงสายหลุดเสียบยังไง Wifi Router พัง เน็ตฯ ไม่แรง ก๊อกน้ำพังทำยังไงดี บลา บลา บลา นี่แหละคือ I want to do moment หรือความรู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่าง ซึ่งการตอบสนองต่อความต้องการนี้ก็มีหลายวิธี เช่น การที่คุณเปิดเข้า Google แล้วหาวิธีซ่อมหรือลงมือทำอะไรสักอย่าง หรือเข้า Youtube เพื่อดูวีดีโอสาธิตการทำ

4. I want to buy moment (อันนี้สำคัญมาก) หรือ ฉันอยากจะซื้ออันนี้เดี๋ยวนี้

สำหรับนักการตลาดแล้ว Moment นี้คงถือว่าสำคัญที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเกิดความอยากได้สินค้า แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าสูงมากอีกด้วย!

อย่างที่ Google บอกไว้ว่า “We want things right, and we want things right away”

วิธีการรับมือ

เวลาที่เกิด Moment เหล่านี้ขึ้น โดยเฉพาะ I want to buy moment เนี่ย ลูกค้าจะมีความคาดหวังในตัวแบรนด์และความต้องการสูงมาก เพราะลูกค้ากำลังต้องการตอบสนองต่อความต้องการของเขาให้ได้มากที่สุด ดังนั้นอย่างแรกเลยคุณจะต้องทำให้คอนเทนต์ ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์หรือ Social Media ของคุณให้เป็น Mobile Friendly เพื่อให้ทุกๆ Moment ของลูกค้าที่เกิดขึ้นมา มีเราไปอยู่ด้วย ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาที่เขาพร้อมจะซื้อสินค้ามากที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่อลูกค้ามีความต้องการที่จะซื้อบ้านซักหลัง เขาก็จะเริ่มจากการหาข้อมูล คุณจึงควรจะหาจุด Touchpoint (ช่องทางที่ Buyer Persona ของคุณจะใช้ในการหาข้อมูล) ระหว่างคุณกับลูกค้า และตอบสนองความต้องการของพวกเขาด้วยสิ่งที่เขากำลังค้นหา หรือต้องการที่จะรู้ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลโครงการ สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกคร่าวๆ หรือช่องทางการติดต่อ เพื่อดึงดูดความสนใจของเขาและกระตุ้นให้เขาอยากเข้ามาพูดคุยกับคุณ

ถึงแม้ว่าเขาอาจจะยังไม่ได้ตกลงซื้อบ้านจากคุณเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าหากคุณสามารถตอบสนองเขาและทำให้เขารู้สึกประทับใจในตัวคุณได้แล้วละก็ เขาก็จะกลับมาหาคุณในช่วงเวลาที่เขาพร้อมจะซื้อเองไงล่ะ!

เทรนด์ที่ 2 ต้องให้ความสำคัญกับ Personalization ด้วย

สำหรับยุคสมัยนี้ Content Marketing ถือว่าเป็นหัวใจหลักสำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดของหลายๆ บริษัทเลยทีเดียว ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่เรามีการทำคอนเทนต์ออกไปหากลุ่มเป้าหมาย พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับการตลาดออนไลน์ในอนาคตนี้ การทำ Personalization  จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพื่อสรรสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมให้กับกลุ่มเป้าหมายของเรา

ยกตัวอย่างเช่น

นาย A พึ่งเคยเข้ามาเว็บไซต์ของบริษัทเราครั้งแรก ข้อความและคอนเทนต์ต่างๆ ที่นาย A จะได้รับ ก็จะแตกต่างจากนาย B ที่เป็นลูกค้าของเราอยู่แล้ว ดังนั้นสำหรับนาย A แล้ว ข้อความที่เขาควรจะได้รับก็คงจะต้องเป็น Product Offerings หรือคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้เขารู้สึกอยากซื้อสินค้าหรือรับบริการจากเรา ในขณะที่นาย B ที่เคยเป็นลูกค้าของเราอยู่แล้ว ก็จะได้รับข้อความที่ Personalize ให้ตอบสนองกับความต้องการและสิ่งที่เขากำลังค้นหา เพื่อที่จะทำให้เขากลับมาตัดสินใจซื้อสินค้าหรือรับบริการจากเราอีกครั้ง

เพราะฉะนั้นสมัยนี้แค่ทำคอนเทนต์ทั่วๆ ไป ก็คงจะไม่พอแล้ว แต่ต้องหันไปพึ่งการทำ Personalized Content  หรือคอนเทนต์เฉพาะบุคคลแทน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป จนนำไปสู่การขายได้ในที่สุด

วิธีการรับมือ

การสร้างคอนเทนต์ที่สามารถตอบสนองกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างดีคือ “การสื่อสารแบบคนกับคน” แต่จะไม่ใช่ระหว่างคนกับแบรนด์ ซึ่งคอนเทนต์ที่คุณจะทำอาจไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องสร้างคอนเทนต์เป็นร้อยๆ พันๆ แบบให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

แต่จะหมายถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้พวกเขา เช่น ถ้าหากคุณเป็นบริษัทที่เลือกใช้ Email Marketing คุณอาจจะเลือกใช้ Email Marketing Software อย่าง MailChimp เพื่อช่วยในการ Personalized email ของคุณ เช่น จากปกติคุณส่งอีเมลไปว่า สวัสดี คุณอาจจะเลือก Personalized Email ด้วยการใช้ชื่อคนแทน เช่น สวัสดี คุณนิธิตา ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ เพราะมันจะให้ความรู้สึกเหมือนคนกำลังคุยกับคน ไม่ใช่คนคุยกับแบรนด์

หรือถ้าอยาก Extreme กว่านั้น ก็จะเป็นการที่คุณ Personalized หน้า Landing Page ของคุณให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ด้วย 2 วิธีหลักๆ คือ สร้าง Landing Page ด้วย tools อย่าง Hubspot หรือลองปรึกษากับ Web Developer เพื่อดึงข้อมูลแล้วมา Coding บนหน้า Landing Page ซึ่งเรามั่นใจว่าการที่คุณเลือกทำ Personalized จะเป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าของคุณได้อย่างแน่นอน ถ้าใครนึกภาพตามไม่ออกลองดูตัวอย่างได้เลยค่ะ

Note: Magnetolabs เป็น Certified Partner กับ HubSpot ถ้าคุณสนใจอยากที่จะเอา HubSpot ซึ่งเป็น Inbound Marketing Software ชั้นนำของโลกไปช่วยให้การตลาด การขาย และการบริการของคุณดียิ่งขึ้น คุณสามารถติดต่อเรามาได้เลย

เทรนด์การตลาดออนไลน์

จากรูปภาพด้านบน นี่คือการ Personalized Website ค่ะ โดยฝั่งซ้ายจะเป็น New Visitors ที่พึ่งเคยเข้ามาเยี่ยมเว็บไซต์ของคุณเป็นครั้งแรกแต่อาจจะยังไม่พร้อมจะซื้อสินค้า ณ ตอนนี้ แต่ฝั่งขวาคือคนที่เคยเข้ามาเว็บไซต์ของคุณแล้ว และกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากกว่าว่าพวกเขาอาจพร้อมที่จะซื้อสินค้าของคุณแล้วก็ได้ค่ะ แถมยังได้รับประสบการณ์ดีๆ จากการกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณอีกด้วย

เทรนด์ที่ 3 Visual Content มาแรงแซงทุกโค้งบนโลก Social Media

เทรนด์การตลาดออนไลน์

สำหรับแทบจะทุกช่วงเวลาบนโลกออนไลน์ เช่น Facebook คุณคิดว่าคนส่วนมากจะใช้เวลาไปกับอะไรกันบ้าง?

แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็น Visual Content เช่น วีดีโอหรือรูปภาพต่างๆ ที่คนส่วนมากจะค่อนข้างมี Engagement หรือมีการตอบสนองต่อคอนเทนต์เหล่านั้น เช่น การแชร์ กดไลก์ หรือคอมเมนต์

แต่ก่อนหน้าที่เราจะไปดูวิธีการรับมือ เรามาดู 3 สถิติที่น่าสนใจกันก่อนดีกว่า

  1. 1 ใน 3 ของ Online Activities หมดไปกับการดูวีดีโอ
  2. 85% ของการดูวีดีโอบน Facebook ดูแบบไร้เสียง
  3. 65% ของคนที่ดูวีดีโอในช่วง 3 วินาทีแรกจะดูต่อไปอีก 10 วินาที

วิธีการรับมือ

เทรนด์ของการทำวีดีโอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจากสถิติที่เราพึ่งบอกไป คุณจะมีเวลาแค่ 3 วินาทีเท่านั้น ในการดึงดูดความสนใจจากผู้ชมให้เขาดูวีดีโอของคุณต่อไปหรือดูจนจบ แต่อย่างหนึ่งที่เราว่ามันสำคัญมากๆ คือ การแสดงความจริงใจต่อลูกค้า ไม่ได้เอาแต่พูดในสิ่งที่แบรนด์อยากจะพูด แต่ควรนึกถึงสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยากจะฟังหรือสนใจด้วย

ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมมองของเรานอกจากการทำวีดีโอดีๆ เจ๋งๆ ออกมาก็คือ จะทำยังไงให้คนเห็นได้มากที่สุด? เพราะตอนนี้หลายบริษัทได้ลงทุนไปกับการทำวีดีโอคอนเทนต์แล้ว และวีดีโอคอนเทนต์ก็มีจำนวนมาก จนผู้คนอาจจะเสพไม่ไหวกันเลย

คำตอบที่ดีที่สุดของคำถามนี่คือ คุณทำ SEO สำหรับ Landing Page ของคุณยังไง คุณก็อย่าลืมทำแบบนั้นกับวีดีโอของคุณด้วยนะ เพราะ YouTube ก็ถือว่าเป็น Search Engine ที่ใหญ่รองลงมาจาก Google เลยทีเดียว และถ้าคุณสนใจอยากเริ่มต้นทำวีดีโอคอนเทนต์ เราขอแนะนำให้คุณลองอ่านคำแนะนำจากที่นี่เลย

เทรนด์ที่ 4 ราคาในการโปรโมตเว็บไซต์และการซื้อโฆษณาออนไลน์จะแรงขึ้น

เทรนด์การตลาดออนไลน์

รูปภาพจาก Freepik

ผลสำรวจปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยจาก ETDA พบว่า ในปี 2559 นี้ คนไทยใช้อินเตอร์เน็ตเฉลี่ยนต่อวัน สูงถึง 6 ชั่วโมง 24 นาที และยังมีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า Social Media คือกิจกรรมออนไลน์อันดับ 1 ที่คนไทยนิยมใช้กันมาก แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ การซื้อของออนไลน์เข้ามาติดอันดับ 1 ใน 5 อันดับแรกของการใช้งานอินเตอร์เน็ตอีกด้วย

ทำให้หลายๆ แบรนด์และบริษัทหันมาสนใจโลกออนไลน์กันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีในการเข้าหาลูกค้าที่ดีที่สุด จึงทำให้ต้องมีการลงทุนที่สูงขึ้นนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาออนไลน์ผ่านหรือโปรโมตเว็บไซต์ เช่น Facebook, YouTube หรือ SEM ก็ตาม

วิธีการรับมือ

โดยส่วนตัวเราเป็นคนไม่ค่อยสนใจกับการลงเงินไปกับการโฆษณามากขนาดนั้น เพราะเราเชื่อว่าถ้าหากคุณเลือกที่จะลงโฆษณา คุณก็จะเป็นจะต้องจ่ายมากขึ้น จ่ายแพงขึ้นเรื่อยๆ และวันหนึ่งที่คุณหยุดลงเงินตรงนั้น จำนวน Reach และ Engagement ของคุณก็อาจลดลงได้จนน่าตกใจเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนวิธีการรับมือที่ดีที่สุดในความคิดของเราคือ การทำให้เว็บไซต์ติดอันดับด้วยการทำ SEO ควบคู่ไปกับการยิงโฆษณาผ่าน Social Media บ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าการทำ SEO อาจจะไม่ได้เห็นผลเร็วเท่ากับการยิงโฆษณาออนไลน์ เพราะคุณจะสามารถเห็นผลได้ในระยะยาวค่ะ  

เทรนด์ที่ 5 เทคโนโลยีด้าน AI มาแล้ว!

เทรนด์การตลาดออนไลน์

เทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ นี้ถือว่าเป็น Next Digital Frontier ต่อจากอินเตอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ เพราะ AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของผู้บริโภค และนำมาประมวลผลเองได้ ซึ่งได้ก้าวเข้ามาเป็นเทคโนโลยีหลักในหลายอุตสาหกรรมแล้ว เช่น อุตสาหกรรมการขนส่ง การเงิน และประกันภัย

ซึ่งมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการช่วยผ่อนผันงานบางอย่างให้กับเราได้ เช่น Chatbot แบบที่มี AI โดยใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าราวๆ 1 ปีกว่าแล้ว แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดด้านภาษาที่ถูกกำหนดไว้อยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งทีเราสามารถคาดเดาได้ คือ AI จะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจการบริการมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคพร้อมกับการทำงานที่ต้องอาศัย Human Effort น้อยลง

วิธีการรับมือ

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับมือกับเทรนด์นี้ คือ คุณต้องรู้ก่อนว่า Objective ในการดำเนินธุรกิจของคุณคืออะไร แล้วมีงานส่วนไหนไหมที่ความสามารถของเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วยลดภาระในการทำงานและค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้บ้าง

ยกตัวอย่างเช่น Magnetolabs ของเราเองก็ยังไม่ใหญ่มาก และทีมของเราแต่ละคนก็มีหน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบแตกต่างกันไป เราจึงเลือกใช้ Chatbot สำหรับ Facebook Messenger เพื่อใช้ในการ Prequalified คนที่คุยเข้ามา ซึ่งถ้าคนที่เข้ามาคุยเป็น Potential Customer เราก็จะเข้าไปคุยต่อด้วย เพราะบางคนอาจจะเข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉยๆ

ถ้าหากคุณอยากลองคุยกับ Chatbot ของเราคลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

ดังนั้นถ้าหากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่มีคนติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก Chatbot ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการมอบ Positive Feeling ให้กับ Leads ของคุณค่ะ เพราะเมื่อ Leads ของคุณมีคำถาม คุณก็ไม่ควรอยากปล่อยให้พกวเขารอนาน เพราะจากผลสำรวจพบว่า โลกออนไลน์มีส่วนในการทำให้ความอดทนของคนเราสั้นลง โดยในกว่า 32% ของคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศอังกฤษจะมีความอดทนรอเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้นนะ!

สรุป

จากทั้ง 5 เทรนด์ที่เราอธิบายมาอาจไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่เท่าไหร่ แต่เราเชื่อว่าสำหรับนักการตลาดออนไลน์คงมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะเมื่อโลกหมุนไป เทคโนโลยีต่างๆ เริ่มเข้ามามากขึ้นและพัฒนามากขึ้น เราจึงต้องก้าวตามให้ทัน แถมในยุคนี้ ผู้บริโภคจะเลือกมากกว่าปกติ เพราะความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไป ทำให้บางทีการซื้อขายสินค้าหรือบริการอาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่เหมือนกับที่ผ่านมา

ดังนั้นถ้าเราสามารถหาจุด Touchpoint กับพวกเขา ส่งมอบแต่สิ่งดีๆ ที่พวกเขาสนใจได้ และพาแบรนด์ของเราให้เข้าไปอยู่ในสายตาของพวกเขาได้ ย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณได้อย่างแน่นอน!

ถ้าหากคุณมีคำถาม ไม่เห็นด้วยกับเทรนด์หรือวิธีการรับมือในข้อไหน คุณสามารถบอกเราได้ในคอมเมนต์ข้างล่างเลยนะคะ 🙂
New call-to-action

Author

Katina

แอปเป็น Digital Marketing Executive ของ Magnetolabs ที่ชื่นชอบการทำ Modern Marketing มากกว่า Traditional Marketing และคลั่งไคล้การเสพคอนเทนต์ต่างประเทศ เช่น HubSpot, Jeffbullas, Marketing Land เวลาว่างชอบดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นกีฬา Outdoor Activities หลงรักการถ่ายภาพ การท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
แอปเป็น Digital Marketing Executive ของ Magnetolabs ที่ชื่นชอบการทำ Modern Marketing มากกว่า Traditional Marketing และคลั่งไคล้การเสพคอนเทนต์ต่างประเทศ เช่น HubSpot, Jeffbullas, Marketing Land เวลาว่างชอบดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นกีฬา Outdoor Activities หลงรักการถ่ายภาพ การท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

Related Blog

Leave Your Comment