Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกๆ ปี
ข้อมูลจาก HubSpot ระบุว่า นักการตลาด 27% ที่ทำการตลาดแบบ Inbound Marketing มาอย่างต่อเนื่อง จะสามารถทำกำไรจากกลยุทธ์ที่ได้วางรากฐานไว้อย่างชัดเจนในปี 2022 และจะมีนักการตลาดลงทุนกับการทำ Inbound Marketing ด้วยเม็ดเงินมหาศาลเพิ่มขึ้นถึง 11% แสดงให้เห็นถึงความนิยมของการใช้งานกลยุทธ์แบบ Inbound Marketing ที่เติบโตขึ้นในปัจจุบัน
ในโลกของการตลาดที่ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถปรับตัวเอาชนะคู่แข่งได้ก่อนใคร เราจึงอยากชวนมาทำความเข้าใจกับ 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้นักการตลาดต้องหันมาให้ความสนใจกับ Inbound Marketing มากขึ้นในปี 2022
1. ความนิยมในการใช้งาน Search Engine เพิ่มสูงขึ้น
ช่วง 2-3 ปีมานี้ผู้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ชีวิต กิน นอน ทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานๆ มีโอกาสที่จะได้ออกไปทำกิจกรรม หรือเลือกซื้อสินค้านอกบ้านน้อยลง ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
‘Year in Search 2020’ ฉบับประเทศไทยของ Google เป็นรายงานที่สรุปพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอ้างอิงจากการใช้งานและการค้นหาข้อมูลบน Google Search ระบุข้อมูลว่า ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์เข้มงวด คนไทยใช้เวลาว่างไปกับการท่องอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยสูงถึง 4.6 ชั่วโมงต่อวัน จากเดิมที่ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.7 ชั่วโมงต่อวัน และถึงแม้ในภายหลังจะมีการคลายล็อกดาวน์ลงบ้างแล้ว ค่าเฉลี่ยการใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ลดลงมาเพียงเล็กน้อยอยู่ที่ 4.3 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อความบันเทิงแล้ว ข้อมูลจาก Smart Insight ระบุว่า 81% ของผู้บริโภคในปัจจุบันยังนิยมใช้ในการค้นหาข้อมูลสินค้าหรือบริการ เพื่อคลายปมปัญหาและข้อสงสัยคาใจที่ตนเองไม่สามารถออกไปหาคำตอบนอกบ้านได้ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลตนเอง การเรียนออนไลน์ การเงินและการลงทุน เช่น
- การค้นหา “โรคซึมเศร้า” เพิ่มขึ้น 37%
- การดูวิดีโอเกี่ยวกับ “การเงิน” เพิ่มขึ้น 70%
- การค้นหา “เรียนออนไลน์” เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากปีก่อน
สถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตและ Google Search ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากการล็อกดาวน์ ส่งผลดีเป็นอย่างมากสำหรับแบรนด์ที่ใช้เทคนิค SEO เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้บริโภคจะค้นหาและพบ Content ของแบรนด์ฺนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคสำคัญของ Inbound Marketing ในขั้น Attract ที่จะใช้ SEO ในการดึงดูดคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักแบรนด์ของเรามาก่อน ให้มาทำความรู้จักและกลายเป็นผู้ติดตาม
ดังนั้นการหันมาศึกษาและวางกลยุทธ์การตลาดแบบ Inbound Marketing ในยุคที่ผู้คนนิยมค้นหาคำตอบของปัญหาคาใจจาก Search Engine ก็จะช่วยให้คุณสามารถดึงดูดลูกค้าที่สนใจให้เข้ามาพบกับแบรนด์ได้มากขึ้น
2. ผู้บริโภคต้องการแบรนด์ที่สามารถมอบความสุขและวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับเขา
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ยืดเยื้อยาวนานทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกวิตกกังวลในชีวิตและทรัพย์สิน ผลที่ตามมาคือ ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสินค้าหรือบริการที่สามารถมอบความสุขสบายให้กับตนเอง
Anjali Lai นักวิเคราะห์อาวุโส จากเว็บไซต์ Forrester คาดการณ์ว่า ในปี 2022 ความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิตมาเป็นเวลานาน จะบังคับให้ผู้บริโภคค้นหาแบรนด์สินค้าที่สามารถแก้ปัญหาให้กับชีวิต หรือให้ประสบการณ์ที่ดีเพื่อผ่อนคลายความเครียดของตนเองลง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Inbound Marketing กลายเป็นกลยุทธ์ที่จะได้ผลดีมากๆ ในสภาวะที่ผู้บริโภคนั้นมีปัญหาและต้องการทางออก เนื่องจาก Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ที่เน้นส่งมอบคุณค่าหรือวิธีแก้ปัญหาผ่าน Content เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค ว่าแบรนด์ของเราเข้าใจปัญหาและเชี่ยวชาญพอที่จะแก้ไขปัญหาให้ตัวเองได้
เมื่อผู้บริโภครับรู้ว่าแบรนด์ของเราสามารถแก้ไขปัญหาให้กับเขาได้ ก็จะถูกดึงดูดเข้ามาเป็นผู้ติดตามของแบรนด์ กระบวนการ Inbound Marketing ก็จะค่อยๆ ป้อนข้อมูลที่จะมอบความสุขตามความสนใจให้กับลูกค้าไปเรื่อยๆ จากผู้ติดตามก็จะกลายเป็นลูกค้า และสามารถปิดการขายได้ในที่สุด
Inbound Marketing จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เหมาะอย่างมากสำหรับการทำการตลาดในปีถัดไป
อ่านบทความ 7 เทรนด์การทำ SEO 2022 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ Inbound Marketing ของคุณ
3. เทรนด์การใช้งาน Voice Search กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Voice Search เป็นเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมใช้งานกันมากขึ้น สถิติจากเว็บไซต์ FindStack ระบุว่า 71% ของคนในอเมริกาใช้ Voice Search ในการค้นหา และข้อมูลจาก HubSpot รายงานเพิ่มเติมว่า นักการตลาด 34% กล่าวว่าการค้นหาด้วยเสียงเป็นเทคนิคใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการ Get found มากที่สุดในปี 2021 ทำให้นักการตลาด 41% วางแผนที่จะลงทุนพัฒนา Content ที่เน้น Voice Search เพิ่มมากขึ้นในปี 2022
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่า ถึงแม้ Voice Search จะเป็นสิ่งใหม่ แต่ก็กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภคและนักการตลาดเป็นอย่างมาก
ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจะเน้นใช้งานช่อง Voice Search ของ Google เพื่อค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งข้อมูลก็จะแสดงตามลำดับ SEO ของแต่ละเว็บไซต์ หรือบางส่วนก็ใช้ผู้ช่วยเสมือนอย่าง Siri หรือ Alexa เพื่อหาคำตอบที่สงสัย ซึ่งผลสุดท้ายผู้ช่วยเสมือนก็จะดึงข้อมูลมาจาก Google ตามลำดับของ SEO มานำเสนออยู่ดี ดังนั้นนักการตลาดที่ทำ Content ได้ตอบโจทย์ SEO ก็จะส่งผลให้ Content ของเราถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นในทุกทาง
จากเดิมที่นักการตลาดจะต้องใส่ใจกับการกำหนด Keyword ให้ตรงกับคำค้นหาของผู้บริโภคแล้ว ยังต้องใส่ใจทำ Content ให้ตรงกับคำค้นหาด้วยเสียง เพื่อให้ SEO ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพรองรับการค้นหาทุกรูปแบบอีกด้วย
การปรับตัวตามเทรนด์ Voice Search เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไล่ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปให้ทัน แน่นอนว่าแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Inbound Marketing ซึ่งเน้นเรื่องการทำ SEO เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะสามารถปรับตัวได้ง่ายกว่าแบรนด์ทั่วไป เนื่องจากเดิม Content ก็มีระดับ SEO ที่ดีอยู่แล้ว เพียงแค่ปรับปรุง Content ให้มี “คำค้นหาด้วยเสียง” เพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ Voice Search ก็จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้แบบทันท่วงที โดยไม่จำเป็นต้องวางแผนใหม่ทั้งระบบ
4. Inbound Marketing ทำให้การตลาดและการขายรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ในการทำ Inbound Marketing หลังจากที่ทำการ Attract ผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นผู้ติดตามแล้ว ขั้นต่อไปคือการ Nurture หรือการคอยดูแลฟูมฟักลูกค้ามุ่งหวัง (Leads) เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าจริงในท้ายที่สุด
เทคนิคสำคัญในขั้นตอน Nurture คือการทำ Marketing Automation ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเก็บข้อมูลความสนใจของผู้บริโภค และนำเสนอ Content ที่เป็นประโยชน์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ในส่วนของการวางกลยุทธ์สำหรับการทำ Marketing Automation จะเริ่มต้นตั้งแต่การดึงดูดคนให้เข้ามาสู่กระบวนการของ Inbound Marketing จากนั้นจึงวางแผนในส่วนของกระบวนการเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์และดำเนินการบางอย่างแบบอัตโนมัติ เช่น ส่ง Content ที่มีประโยชน์ ส่งข้อมูลสินค้าที่ผู้บริโภคคนนั้นสนใจ หรือจะให้ฝ่ายขายติดต่อไปเพื่อปิดการขายก็ได้
Marketing Automation จึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้ Inbound Marketing กลายเป็นกลยุทธ์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการผสานการตลาดเข้ากับการขายโดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลาง ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าและปิดการขายไปพร้อมๆ กันได้ โดยประหยัดทั้งระยะเวลาในการดำเนินงานและลดต้นทุนในระยะยาว ส่งผลให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพและคุ้มทุนมากขึ้น
5. Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้ดี
รายงานเทรนด์การตลาดปี 2022 ของ HubSpot ระบุว่า Inbound Marketing เป็นเทคนิคที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้แบรนด์เติบโตได้ดีที่สุดในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง
เนื่องด้วยการทำ Inbound Marketing นั้นมักจะเริ่มต้นจากการสร้าง Digital Asset อย่างเว็บไซต์และ Content ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งใช้ในการสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าติดตามสินค้าหรือบริการของเราในระยะยาว
รายงานของ HubSpot ยังมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงนี้การทำธุรกิจแบบเดิมได้เปลี่ยนมาเป็นการทำธุรกิจแบบเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลอยู่ที่บ้านมากขึ้น ทำให้กลยุทธ์แบบ Inbound Marketing นั้นมีประสิทธิภาพในการเข้าถึง Leads และมีโอกาสในการปิดการขายมากกว่ากลยุทธ์แบบ Outbound Marketing
ข้อมูลข้างต้นสอดคล้องกับรายงานของ Gartner ที่ระบุว่า การทำธุรกิจแบบ Inbound ที่ดีนั้นจะช่วยหา Leads ได้มากกว่าการทำธุรกิจแบบ Outbound ถึง 10 เท่า ด้วยเหตุนี้ Inbound Marketing จึงเป็นเทคนิคที่นักการตลาดต้องหันมาให้ความสนใจมากขึ้น
สรุป
จากภาพรวมทั้งหมด เหตุผลหลักที่นักการตลาดต้องให้ความสนใจในการทำ Inbound Marketing สำหรับปี 2022 คือความต้องการที่จะวิ่งไล่ตามเทรนด์ของผู้บริโภคให้ทัน เนื่องด้วย Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน และมีลักษณะที่ตอบโจทย์กับธุรกิจที่มีเป้าหมายในการสร้างแบรนด์ และการขายในระยะยาว
หากคุณสนใจที่จะเริ่มทำ Inbound Marketing ให้กับธุรกิจของคุณในปี 2022 แล้วต้องการเพื่อคู่คิด มิตรคู่ใจ สามารถปรึกษาพวกเรา Magnetolabs ได้ที่นี่ เลยครับ