ทำเว็บไซต์แล้วทำไมไม่เวิร์ก ? 9 เหตุผลที่เว็บไซต์ของคุณร้างเป็นป่าช้า

คุณมีเวลาเพียงแค่ 3 วินาที  ที่จะทำให้คนที่เข้ามาเว็บไซต์ของคุณครั้งแรกเกิดความประทับใจ คุณจึงคิดหาวิธีที่จะนำเสนอข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเว็บไซต์ตัวเองเพื่อให้คนเหล่านั้นรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณได้อย่างรวดเร็ว เช่น การใช้ข้อความสวยหรูเพื่อดึงดูดความสนใจ ใส่วิดีโอพรีเซนท์แนะนำองค์กรลงไปในหน้าแรก หรือการสรรหาลูกเล่นต่างๆ มาใส่บนหน้าเว็บเพื่อที่จะทำให้เว็บของคุณโดดเด่นกว่าคนอื่น

แต่คุณเคยสงสัยไหมคะ? ว่าทำไมเว็บไซต์ที่คุณตั้งใจออกแบบมานั้นถึงไม่ค่อยมีคนเข้ามาดู? หรือมีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้คนส่วนมากออกจากเว็บไซต์ของคุณไปแล้วอาจไม่กลับมาอีกเลย

ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายกันค่ะว่า ทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงร้างเป็นป่าช้า ด้วย infographic!

ก่อนที่จะเข้าไปสู่ infographic เราจะขอยกตัวอย่างเหตุผลหลักๆ ที่เราเห็นบ่อยๆ มาอธิบายให้คุณฟังก่อนซักเล็กน้อยแล้วกัน

ป.ล. นี่เป็นเพียงแค่ความคิดส่วนตัวของเรานะคะ ถ้าคุณคิดว่ามีตรงไหนที่เราเข้าใจผิดไป สามารถคอมเมนต์มาบอกเราได้เลยนะคะ

ทำเว็บไซต์แบบไหนคนถึงไม่เข้า

1.ดีไซน์ล้าสมัย

ก่อนจะซื้อหนังสือซักเล่ม เราทุกคนล้วนตัดสินหนังสือจากหน้าปกเสมอใช่ไหมคะ เช่นเดียวกับการซื้อบริการจากเว็บไซต์ เราก็ตัดสินจากความสวยงามของเว็บไซต์เช่นเดียวกัน

ผลสำรวจพบว่า 94% ของผู้ใช้งาน จะกดปิดเว็บไซต์ของคุณทันที ถ้าพวกเขารู้สึกว่าเว็บไซต์ดูล้าสมัยและไม่น่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้นคุณควรจะดีไซน์เว็บไซต์ใหม่ทุก ๆ 2 ปี เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์นะคะ

2. การจัดเนื้อหาในเว็บไม่เหมาะสม

บางครั้งคนที่เข้าชมเว็บไซต์ก็ออกเพราะเนื้อหานั้นอ่านยากเกินไป ไม่ได้ยากเพราะว่าเป็นวิชาการอะไรหรอกนะคะ แต่ยากที่การจัดเนื้อหาไม่เป็นระเบียบ ใส่สีสันลงไปสารพัดสี บางทีก็มีการสะกดคำผิดที่เยอะเกินไป

3. เว็บโหลดนาน

John Mueller หนึ่งในทีมงาน Google ได้มีการทวิตถึง 3 วินาทีของเว็บไซต์ไว้ตั้งแต่ปี 2016 ค่ะ ว่าจริงๆ แล้วเราควรปรับปรุงหน้าเว็บของเราให้โหลดได้ภายใน 2-3 วินาที (ยิ่งเร็วยิ่งดี)

จากสถิติแล้วคำพูดนั้นก็เป็นจริงค่ะ เพราะผลสำรวจเมื่อปี 2017 ระบุว่าผู้คน 47% เลือกจะปิดเว็บไซต์หากโหลดช้ากว่า 3 วินาที และการที่เว็บเปิดช้ากว่าเดิมเพียง 1 วินาทีก็ช่วยเพิ่มความไม่พอใจของผู้เข้าชมถึง 16% ทีเดียว

คุณสามารถอ่านเรื่องความเร็วเว็บไซต์เว็บไซต์ได้ที่ ทำไมเว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว เลยค่ะ

4.โฆษณาเยอะเกินไป

จริงอยู่ว่า การลงโฆษณาบนเว็บไซต์สามารถสร้างรายได้ให้คุณ แต่การใช้พื้นที่สำหรับโฆษณาบนเว็บไซต์มากจนเกินไป เรียกว่ามองไปมุมไหนก็เห็นแต่โฆษณา จะทำให้ผู้ใช้งานหาสิ่งที่ต้องการยากขึ้น จากนั้นพวกเขาจะเกิดความรำคาญ และสุดท้าย ก็ตัดสินใจกดปิดเว็บไซต์ของคุณไป

5. วิดีโอเล่นอัตโนมัติ

เราคิดว่าหลายต่อหลายคนน่าจะพบเจอกับเรื่องนี้ค่ะ กับวิดีโอเล่นเองตามเว็บต่างๆ รู้หรือไม่คะว่าในปัจจุบันมันเป็นอะไรที่คนไม่ชอบมากๆ จนทาง Google Chrome ถึงกับต้องออกฟิลเตอร์เพื่อบล็อกวิดีโอเล่นเองเหล่านี้ทีเดียว

6. ระบบนำทางไม่ชัดเจน

คล้ายคลึงกับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ค่ะ ผู้คนไม่ค่อยชอบเว็บที่ต้องคลิกหลายๆ ครั้งกว่าจะพบสิ่งที่ต้องการ ถ้าเกิดปล่อยให้คนเข้าเว็บไซต์คลิกเพื่อหานั่นหานี่เกินสามครั้งแล้วล่ะก็ มีโอกาสสูงที่เขาจะปิดเว็บเราแล้วไปหาเว็บอื่นมากสุดๆ เลยค่ะ

7. Call to action ไม่จูงใจ

เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการ ‘ไปต่อ’ หรือ ‘คลิก’ ส่วนอื่นๆ ของเว็บไซต์ค่ะ หากเว็บของเราไม่มี Call to action ที่ดีพอ ไม่ได้จูงใจให้คนดูเนื้อหาส่วนอื่น ผู้คนที่เข้ามาก็อาจจะไม่ได้มีการอ่านหรือดูเนื้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้ Traffic ของเราน้อยกว่าที่ควรเป็น

8. ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ

ทุกวันนี้เราไม่จำเป็นต้องเข้าเว็บไซต์ผ่านคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะเราสามารถเข้าใช้งานเว็บไซต์ผ่านมือถือได้ยังไงล่ะ จากการสำรวจพบว่า 30% ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ผ่านมือถือจะกดปิดทันที ถ้าพวกเขาพบว่าเว็บไซต์นั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับกับอุปกรณ์ของพวกเขา

9. ขอข้อมูลจากผู้ใช้งานมากเกินไป

แน่นอนค่ะว่าเว็บไซต์หลายเว็บจะต้องมีการกรอกข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการ subscribe หรือเหตุผลอื่นๆ แต่ถ้าคุณขอข้อมูลของผู้ใช้งานมากเกินไป ก็มีโอกาสที่คนจะกดปิดเว็บไซต์เหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เว็บไซต์ใหญ่ๆ อย่าง Google หรือ Facebook มีตัวเลือกในการใส่ข้อมูลผู้ใช้งานน้อย แต่ให้ User ไปใส่เพิ่มในภายหลังค่ะ

สรุป

เว็บไซต์ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการทำธุรกิจ คุณจึงควรใส่ใจในทุกรายละเอียด และเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณว่าพวกเขาต้องการอะไร ถ้าหากคุณทำมันออกมาได้ดี คุณจะสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมากมายเลยทีเดียวค่ะ

หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว อย่าลืมกลับไปเช็คเว็บไซต์ของตัวเองดูนะคะ ถ้าคุณมีคำถามหรือข้อสงสัย เขียนบอกเราในคอมเมนต์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ 🙂

หากคุณชอบและคิดว่า Infographic นี้มีประโยชน์ คุณสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อบันทึกรูปแล้วเอาไปแชร์ในเว็บของคุณได้เลย แล้วช่วยส่ง backlink กลับมายัง Magnetolabs ด้วยนะคะ

Note: ถ้าคุณอยากทราบว่าจะทำเว็บไซต์ดีๆ หนึ่งเว็บไซต์กับ Magnetolabs คุณจะต้องเตรียมงบการลงทุนไว้ประมาณเท่าไหร่ เราได้สร้างเครื่องมือการคำนวณราคาในการทำเว็บไซต์ชื่อว่า Calculato ขึ้นมา เพื่อทำให้คุณเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้นและสามารถประเมินงบประมาณได้ก่อน คุณสามารถเข้าไปทดลองคำนวณได้ที่นี่