SHARE

กรณีศึกษา: สร้างเว็บไซต์ให้ได้ผลลัพธ์ดีกว่าเว็บอื่น “100 เท่า”

“100 เท่า”

ใช่แล้วครับ ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ 🙂

วันนี้ผมจะมาแชร์กรณีศึกษาจริงของ Magnetolabs ว่าด้วยเรื่องของ “การสร้างเว็บไซต์” ครับ

เว็บไซต์ที่ดีคือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ในตอบโจทย์หนึ่งจริงๆ ถึงแม้ว่า Traffic คนเข้ามาจะน้อย แต่สามารถสร้าง Leads เพื่อทำการนัดพบ และทำการปิดการขายทางธุรกิจได้มากกว่า

โดยที่กรณีศึกษาในวันนี้ที่ผมจะขอยกมานั้นจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างเว็บไซต์ magnetolabs.com และ contentshifu.com ซึ่งผมเป็นเจ้าของทั้ง 2 เว็บนะครับ

ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าครับว่ากรณีศึกษาการสร้างเว็บไซต์ให้ได้ผลลัพธ์ดีกว่า 100 เท่ามันเป็นยังไง!

Conversion Goal

ผมขออนุญาตเริ่มจาก Conversion Goal หรืออธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่าเป้าหมายที่ต้องการก่อนนะครับ

สำหรับ magnetolabs.com

Magnetolabs เป็น Marketing Agency แน่นอนว่า Conversion ของเว็บไซต์เว็บนี้คือการที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาผ่านการกรอกอีเมล หรือโทรศัพท์เข้ามาตามเบอร์ที่ให้ไว้บนเว็บ

ซึ่งตัวแบบฟอร์มที่ให้ติดต่อเข้ามานั้น พวกเราติดฟอร์มไว้ในทุกหน้า (ยกเว้นแต่ในหน้าบล็อก) พร้อมทั้งเขียนคำอธิบายให้เหมาะกับหน้าแต่ละหน้าโดยเฉพาะ

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเข้าไปในหน้า Website Design Service ตอนท้ายคุณจะเห็นคำว่า “Are you ready to own a website that works?”

แต่ถ้าคุณเข้าไปในหน้า Inbound Marketing Service ตอนท้ายคุณจะเห็นคำว่า “Are you ready for Inbound Marketing?”

นอกจากนั้นแล้วเรายังใส่อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ไว้ที่ Footer ของทุกหน้าอีกด้วย

สำหรับ contentshifu.com

Content Shifu เป็นบล็อกให้ความรู้เกี่ยวกับ Inbound Marketing ซึ่ง Conversion สำหรับเว็บไซต์นี้นั้นมีอยู่ 3 อย่างได้แก่ 1. ดาวน์โหลด eBook, Checklist และ Template ไป 2. ให้คนลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์ 3. ให้คนติดต่อเข้ามาสอบถามบริการ

โดยที่สำหรับข้อ 1. นั้นพวกเราจะกระตุ้นให้คนดาวน์โหลดตอนที่อ่านบทความ นอกจากนั้นแล้วเราก็ยังมีหน้า Resource ไว้สำหรับสิ่งเหล่านี้โดยเฉพาเช่นกัน

สำหรับข้อที่ 2. นั้นจะคล้ายกับข้อแรกโดยที่เราจะมี Popup กระตุ้นให้คนลองไปเรียนคอร์ส Inbound Marketing 101 ฟรี นอกจากนั้นแล้วเราก็มีหน้า Academy ที่ถูกสร้างมาไว้เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับคอร์สโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน

สำหรับข้อ 3. เรามีเพียงแค่ Menu (Service) และหน้าเฉพาะให้สำหรับคนติดต่อมาเท่านั้น

สถิติ

ผมขอหยิบสถิติของเดือนมีนาคม 2018 มาเปรียบเทียบกันนะครับ โดยที่สถิติที่จะเอามาเปรียบเทียบคือจำนวน คนเข้าเว็บไซต์ และจำนวน Leads (คนที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับบริการ)

สถิติของ Magnetolabs

ในเดือนมีนาคม 2018 จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ของ Magnetolabs อยู่ที่ 7,099 คน ซึ่งทั้งหมดนี้สร้าง Leads กลับมาให้เราได้เป็นจำนวน 22 Leads (เปรียบเทียบกันแล้ว Conversion Rate จะอยู่ที่ 0.31%)

สถิติของ Content Shifu

ในเดือนมีนาคม 2018 จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ของ Content Shifu อยู่ที่ 96,707 คน ซึ่งทั้งหมดนี้สร้าง Leads กลับมาให้เราได้เป็นจำนวน 3 Leads (เปรียบเทียบกันแล้ว Conversion Rate จะอยู่ที่ 0.003%)

เมื่อลองเอาสถิติจาก Magnetolabs กับ Content Shifu มาเทียบกันดูจะพบว่าเว็บไซต์ของ Magnetolabs มี Conversion Rate ของการติดต่อเข้ามาสอบถามบริการสูงกว่าเว็บไซต์ Content Shifu ประมาณ 100 เท่าพอดี (0.31%/0.003%)

Note: Magnetolabs จะเก็บ Leads ทุกคนที่ติดต่อมาหาเราเข้าไปในระบบ CRM และ Slack ซึ่งเป็นแอป Chat ที่บริษัทเราใช้อยู่แล้ว (เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เอามาแชร์ ผมคิดว่าน่าจะค่อนข้างตรงเลยล่ะ)

สิ่งที่เรียนรู้

และนี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้ (และอยากให้คุณเรียนรู้ด้วย) จากกรณีศึกษานี้ครับ

1. การเรียนรู้ และทำความเข้าใจเรื่อง Sales Funnel เป็นสิ่งที่สำคัญ

Eyeball หรือ Traffic นั้นเป็นเพียงแค่ต้นน้ำเท่านั้น (ToFu – Top of the Funnel) ในการทำธุรกิจนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงต่อไปก็คือจำนวนคนที่ติดตาม/ติดต่อเข้ามาสอบถามบริการ (MoFu – Middle of the Funnel) และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจำนวนลูกค้า (BoFu – Bottom of the Funnel) ที่สร้างรายได้ และผลกำไรให้บริษัท และทำให้ธุรกิจอยู่รอด และไปต่อได้

หลายครั้งๆ หลายๆ หนที่ผมเห็นธุรกิจหลายๆ ธุรกิจโฟกัสไปที่ Eyeball (ToFu) แต่ Eyeball เหล่านั้นไม่เปลี่ยนเป็น MoFu หรือ BoFu เลย ซึ่งไม่ว่าแคมเปญนั้นๆ จะครีเอทีฟถึงเพียงไหน หรือคนจะเห็นเยอะมากเพียงไร ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นก็เป็นได้แค่เพียงแค่ Vanity Metric หรือตัวชี้วัดที่ไม่มีผลเกี่ยวข้องกับธุรกิจเท่านั้นครับ

2. UX (User Experience) เป็นเรื่องสำคัญ

ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าเรื่องของ Design เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับธุรกิจอยู่แล้ว แต่ก็แค่ในระดับหนึ่ง แต่พอผมได้มาเจอกับคุณโบ Partner ของผมที่ Magnetolabs มันทำให้ผมเข้าใจว่าการออกแบบประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า (UX) ในทุกๆ Touchpoint ให้ดีขึ้นเป็นสิ่งที่จะ Make หรือ Break ธุรกิจได้เลย

ซึ่งถ้ามองในแง่ของเว็บไซต์ การสร้างเว็บไซต์ให้ออกมาดีนั้น “หน้าตา” ของเว็บไซต์เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วการทำวิจัย การทำความเข้าใจแบรนด์ การทำความเข้าใจลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบจะเป็นสิ่งที่แยกเว็บไซต์แบบธรรมดา กับเว็บไซต์ชั้นเยี่ยมออกจากกัน

สรุป

เว็บไซต์ที่ดีคือเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อโจทย์ทางธุรกิจ

เว็บไซต์ Content Shifu เองนั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาให้ตอบโจทย์ในรูปแบบหนึ่งคือการส่งมอบคอนเทนต์ดีๆ ให้คนอ่าน และเข้ามาติดตาม แต่ยังไม่ได้เน้นขายของมากนัก ตัวเว็บไซต์ Magnetolabs เองนั้นมีความโฟกัสในการกระตุ้นให้คนติดต่อเข้ามามากกว่า ซึ่งถ้ามองเป้าหมายในการหาลูกค้าแล้ว Magnetolabs ก็เลยเป็นฝ่ายที่ชนะ

สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากไว้ก็คือว่าคุณไม่จำเป็นต้องสร้าง Traffic ให้กับช่องทางของคุณอย่างมหาศาลก็ได้ (ถ้าทำได้ก็จะดี และจะต่อยอดให้กับธุรกิจได้อีกหลายอย่าง แต่อย่างที่บอกไปคือไม่จำเป็น) สิ่งที่คุณควรทำคือการ “ทำน้อยแต่ได้มาก” ด้วยการดึง “ลูกค้าที่ใช่” เข้ามายังช่องทางของคุณ และพยายามทำตัวคุณเองให้เป็น “คนที่ใช่”

ถ้าทำได้ รับรองว่าธุรกิจของคุณจะไปได้ไกลแน่นอนครับ

ในความเห็น และประสบการณ์ของคุณ เว็บไซต์ที่ดีคือเว็บไซต์แบบไหน? มาคุยกันต่อได้ในคอมเมนต์เลยครับ 🙂

New call-to-action

Author

Sitthinunt

Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast
Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast

Related Blog

Leave Your Comment