เตรียมตัว หางาน Digital Marketing
121
SHARE

หางาน Digital Marketing เลือกอย่างไร ต้องเตรียมทักษะอะไรบ้าง?

แม้ว่าในปัจจุบันสายงานเกี่ยวกับ Digital Marketing จะเป็นงานที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีความต้องการในตลาดสูง แต่กลับกัน มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีการสอน หรือแนะแนวในด้านนี้มากนัก

ในบทความนี้ผมจึงจะมาแชร์ การเตรียมตัวหางาน Digital marketing รวมถึงรูปแบบของงาน Digital marketing ที่มีอยู่ในตลาด

ผมรับรองว่าบทความนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหางาน Digital marketing ให้กับคุณได้มากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

Note: บทความนี้ผมเขียนจากมุมมองของผมเป็นหลัก ถ้ามีตรงไหนไม่เห็นด้วยหรือมีส่วนที่เสริมเพิ่มให้ดีขึ้นได้ มาคุยกันต่อได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ

หางาน Digital Marketing: เตรียมตัวอย่างไร?

เตรียมสกิล

ถ้าจะหางาน Digital Marketing สิ่งแรกสุดที่คุณควรจะมีก็คือสกิลเรื่อง Digital Marketing

สกิลอย่างแรกคือ Hard Skill หรือความรู้ในสายงาน

ความรู้นี้เป็นความรู้พื้นฐานที่คนที่สนใจงานในตำแหน่ง Digital Marketing ควรจะมี ซึ่งถ้าพูดถึง Hard Skill ของสายงาน Digital Marketing แล้วมีมากมายหลายอย่าง ซึ่งผมขอยกตัวอย่างสกิลที่สำคัญมาให้ประมาณนี้นะครับ

  • Strategy: ความสามารถในการคิดและวางแผนสำหรับสายงาน Digital อย่างครอบคลุมและเป็นระบบ
  • Social: ความรู้ความเข้าใจในการทำการตลาดผ่าน Social Media ต่างๆ (ถ้าในไทยก็จะเน้น Facebook, YouTube, Instagram, Twitter และ LINE)
  • Search: ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการทำการตลาดผ่าน Search Engine ต่างๆ (ถ้าในไทยก็จะเน้น Google เป็นหลัก)
  • Ads: การซื้อโฆษณาทั้งบน Social และ Search (รวมไปถึงการซื้อโฆษณากับ Media / Publisher ด้วย)
  • Email: การทำการตลาดผ่านอีเมล
  • CRM: การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • Analytics: การวิเคราะห์ข้อมูลบนโลก Digital

วิธีการวัดผลสกิลทางด้านนี้ทำได้ไม่ยากนัก คุณอาจจะลองไปสอบพวก Certification ต่างๆ ที่ Platform ชื่อดังอย่าง Facebook กับ Google มีอยู่ หรือสามารถสอบเพื่อเอา DAAT Score (ข้อสอบวัดความรู้ของคนในวงการดิจิทัล) ก็ได้

แนะนำ

ผมเชื่อว่าในโลกปัจจุบันนี้ การเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ สามารถทำได้โดยง่ายแล้ว สำหรับการเรียนรู้เรื่อง Digital Marketing เองก็มีแหล่งข้อมูลให้ศึกษามากมายหลายที่ (เช่น บล็อกของ Magnetolabs หรือที่เว็บไซต์พี่น้องของเราอย่าง Content Shifu)

และการเริ่มลงมือทำ Digital Marketing ด้วยตัวเองนั้นก็ดูจะไม่ยากและใช้เวลาไม่นานสักเท่าไหร่ เพียงแค่ลองเปิด Page หรือ Account ของตัวเอง หรือเขียนบล็อกและทำ SEO แบบเบื้องต้นให้กับตัวเอง

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าคุณสนใจทำงานในสายนี้คุณไม่จำเป็นต้องรอให้ได้งานก่อนคุณถึงจะค่อยมีประสบการณ์ได้นะครับ

สกิลอย่างที่สองคือ Soft Skill ที่คุณต้องมีไม่ว่าคุณจะหางาน Digital Marketing หรือไม่ก็ตาม

ส่วนตัวผม ผมคิดว่า Soft Skill ของคนแต่ละตำแหน่งไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เช่น ถ้าคนที่ทำงานในสายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ก็ควรจะต้องมีความสามารถในการพูดหรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ หรือถ้าเป็นคนที่ทำงานในสายการผลิตคอนเทนต์ ก็ควรจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และทักษะในการถ่ายทอดเรื่องราว

Soft skill สำหรับงาน Digital Marketing

ทั้งนี้ผมคิดว่าทักษะเบื้องต้นที่ทุกคนควรจะมี (ไม่ว่าจะมากหรือน้อย) คือทักษะการสื่อสารและทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นนะครับ

ผมคิดว่าแบบทดสอบอย่าง MBTI หรือ Strength Finder นั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการค้นหาบุคลิกภาพและจุดแข็งที่จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองและเข้าใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้นครับ

หลักจากที่คุณทำการทดสอบเหล่านี้เสร็จ คุณอาจจะค้นหาสายงานที่เหมาะกับตัวเองก็ได้ครับ

เตรียมสายงาน

มีสุภาษิตภาษาอังกฤษอันนึงที่ใช้อย่างแพร่หลายคือ “Don’t be a jack of all trades but a master of none” หรือแปลเป็นไทยว่า “อย่าทำเป็นทุกอย่างแต่ไม่ดีสักอย่าง ให้ทำบางอย่างให้มันดีไปเลยจะดีกว่า”

ผมคิดว่าสุภาษิตนี้ถูก แต่ไม่ทั้งหมดครับ

ถ้าคุณเป็น Jack of All Trades แต่คุณทำทุกอย่างออกมาได้ดี (อาจจะไม่ถึงกับดีมากๆ) ผมคิดว่าคุณก็เป็นคนที่มีมูลค่าได้ครับ

สำหรับสายงาน Digital Marketing ผมคิดว่าแบ่งได้ง่ายๆ เป็น 2 แบบคือ Generalist กับ Specialist ครับ

Generalist

คนที่เป็น Generalist จะสามารถทำหลายๆ อย่างได้ดี เช่นคนที่เป็น Account Executive (AE) นอกจากจะเก่งเรื่องปฏิสัมพันธ์และการนำเสนองานกับลูกค้าแล้ว ความรู้พื้นฐานที่เป็น Hard Skill ของเรื่อง Digital Marketing ก็ควรจะรู้เช่นเดียวกัน หรือ Web Project Manager (PM) นอกจากความรู้เรื่อง Soft Skill ที่คล้ายๆ กับ AE แล้ว Web PM ก็ควรต้องพูดจาภาษาโปรแกรมรู้เรื่องด้วย (เช่นควรรู้เรื่อง Domain หรือ Hosting เป็นอย่างน้อย)

ตัวอย่างของสายงานที่เป็น Generalist เช่น Account Executive (AE), Project Management (PM), Digital Planner เป็นต้น

สำหรับสายงานนี้ผมคิดว่า Soft Skill มีความสำคัญมากกว่า ทั้งนี้ Hard Skill ในเรื่อง Digital Marketing ก็ยังคงมีความสำคัญอยู่นะครับ (เพราะถ้าไม่เข้าใจหรือไม่รู้เรื่องก็จะสื่อสารออกไปไม่ได้)

Specialist

คนที่เป็น Specialist จะโฟกัสที่งานใดงานหนึ่งและพัฒนาความสามารถในด้านนั้นออกมาให้เด่นมากๆ เช่นคนที่เป็น SEO Specialist จะต้องมีความรู้เรื่อง On-Page SEO และ Off-Page SEO เป็นอย่างดี (ผมชอบใช้คำว่ารู้จริงใน Niche ที่ตัวเอง Focus อยู่) หรือในงานที่เกี่ยวข้องกับ SEO นั้นก็ยังสามารถลงลึกไปกว่านั้นได้อีกเช่นตำแหน่ง Outreach Specialist ที่โฟกัสในการทำ Off-Page SEO โดยการ Outreach ไปเพื่อสร้าง Backlink เป็นหลักก็มี

ตัวอย่างสายงานที่เป็น Specialist เช่น SEO Specialist, Outreach Specialist, SEM Specialist, Email Marketing Specialist เป็นต้น

กลับกันกับสายงานของ Generalist ผมคิดว่าสำหรับ Specialist แล้ว Hard Skill สำคัญมากๆ (ถ้าไม่เก่ง จะเป็น Specialist ได้ยังไง จริงไหมครับ? 🙂 )

ถ้าเริ่มทำงานใหม่ๆ แทบจะทุกคนอาจจะเริ่มจากการเป็น Generalist ก่อน แต่พอทำไปได้สักพัก ผมคิดว่าเมื่อถึงจุดนึงที่อาจจะต้องเลือกว่าจะโตไปทางสายไหนมากกว่าครับ

เตรียมเลือกบริษัท

โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอยู่ 2 รูปแบบครับ แบบแรก คือ Agency และแบบที่สองคือ In-house ครับ

หางาน Digital Marketing ดูบรรยากาศที่ทำงาน
บรรยากาศการทำงานที่ Magnetolabs

Agency

(Digital Marketing) Agency คือ บริษัทที่ให้บริการการทำการตลาดออนไลน์ให้กับแบรนด์ (เช่น Magnetolabs ของเราเองก็ถือว่าเป็น Agency เหมือนกัน)

ข้อดี

  1. ได้ทำงานหลากหลาย

โดยปกติแล้ว Digital Marketing Agency นั้นไม่ได้ให้บริการลูกค้าแค่ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเท่านั้น แต่จะมีลูกค้าที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม (อาจมีบ้างที่โฟกัสอุตสาหกรรมไปเลย แต่ไม่ค่อยเยอะ) เพราะฉะนั้นการทำงานใน Digital Marketing Agency จะทำให้คุณมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

  1. ได้ทำงานกับคนที่มีความรู้ทางด้าน Digital ที่ดี

ผมคิดว่าใน Digital Marketing Agency ทุกๆ คนจะต้องมีความรู้เรื่อง Digital (อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง) เพราะฉะนั้นถ้าคุณเข้าไปทำงานใน Digital Marketing Agency คุณจะถูกแวดล้อมด้วยคนที่รู้เรื่อง Digital Marketing ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความรู้ความสามารถทางด้าน Digital ของคุณมากๆ ครับ

ข้อด้อย

  1. โฟกัส

การที่คุณได้ทำงานที่หลากหลายก็สามารถมองเป็นข้อด้อยได้เช่นกันเพราะว่าคุณจะไม่ได้โฟกัสอยู่ที่บริษัทเพียงบริษัทเดียว เพราะฉะนั้นคุณก็อาจจะรู้ในสายงานนั้นไม่สุด

In-house

In-house คือการที่คุณไปทำงานเกี่ยวกับ Digital Marketing ในบริษัท ในบริษัทนั้นๆ หน่วยงาน Digital Marketing ของคุณจะเป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งจากหลายๆ หน่วยงาน ในบริษัทของคุณอาจจะมีทีม Traditional Marketing ทีมงาน ทีมผลิต ทีมวิศวกรรม และทีมอื่นๆ ได้อีกหลากหลายทีม

ข้อดี

  1. โฟกัส

การที่คุณทำงานให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเพียงอย่างเดียว ข้อดีคือคุณจะได้โฟกัสในสินค้าหรือบริการนั้นๆ อย่างเต็มที่ เช่นถ้าคุณทำงานในบริษัทการเงิน คุณก็จะได้รู้เรื่องการเงินแบบเชิงลึก หรือถ้าคุณทำงานในบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์ คุณก็จะได้ความรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์แบบเชิงลึก

สิ่งที่คุณจะได้รู้ไม่ได้มีแค่เพียงเรื่องของ Digital Marketing แต่จะเป็นเรื่องอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่คุณอยู่ด้วย

  1. ทำงานกับผู้คนที่หลากหลาย

ถ้าคุณเป็น In-house ของบริษัท มีโอกาสสูงมากๆ ที่คุณจะไม่ได้ทำงานแค่เพียงกับฝ่าย Marketing เพียงฝ่ายเดียว (เพราะในบริษัทแบบ In-house ฝ่ายของคุณคือฝ่ายหนึ่งของบริษัทเท่านั้น) คุณจะมีโอกาสได้ทำงานกับฝ่ายอื่นๆ เช่น Production, Sales, Procurement และอื่นๆ อีกหลายฝ่าย

ข้อด้อย

  1. โฟกัส

ใช่แล้วครับ การที่คุณโฟกัสในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งนั้นสามารถเป็นข้อด้อยได้เช่นกัน เพราะถ้าคุณอยากที่จะเอาประสบการณ์ไปต่อยอดในอุตสาหกรรมอื่นๆ คุณก็อาจจะทำได้ยาก เช่นถ้าคุณอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์มาตลอด การที่คุณจะเปลี่ยนไปทำงานในสายเครื่องประดับ คุณก็จะไม่สามารถใช้ความรู้ความสามารถของคุณได้อย่างเต็มที่

Note: ถ้าอ่านมาถึงจุดนี้แล้วคุณยังคิดไม่ตกว่าจะเลือกบริษัทแบบไหนดี ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมให้ 3 ข้อครับ

  1. เลือกบริษัทที่มี Culture ตรงกับนิสัยของคุณ 
  2. เลือกบริษัทที่มีตำแหน่งและเนื้องานตรงกับที่คุณต้องการ 
  3. เลือกบริษัทที่สามารถเดินทางสะดวก

สรุป

การที่จะตัดสินใจไปทำงานกับบริษัทไหน ผมคิดว่าคุณควรจะต้องเลือกให้ดีเพราะที่ทำงานคือที่ที่คุณจะใช้เวลาอยู่มากที่สุดเป็นอย่างที่ 2 (รองจากอยู่บ้าน)

ซึ่งสำหรับการจะหางาน Digital Marketing นั้น ผมแนะนำว่าสิ่งที่คุณควรจะเตรียมมีอยู่ 3 อย่างคือเตรียมสกิลให้พร้อม เตรียมเลือกสายงานที่อยากทำ และเตรียมเลือกบริษัทที่อยากร่วมงานด้วย

ถ้าคุณเตรียม 3 ข้อนี้อย่างดีแล้ว ผมคิดว่าคุณจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขแน่ๆ ครับ 🙂

ช่วงขายของ

บริษัทของเรา Magnetolabs ก็กำลังเปิดรับผู้สมัครงาน Digital Marketing อยู่หลายตำแหน่งทั้งที่เป็น Generalist และ Specialist

ถ้าคุณอยากทำงานใน Agency ที่จริงจังในเวลาทำงานแต่สำราญเวลาพักผ่อน ผมคิดว่า Magnetolabs น่าจะเป็นหนึ่งในที่ทำงานที่เหมาะสมกับคุณนะครับ 🙂

New call-to-action

Author

Sitthinunt

Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast
Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast

Related Blog

2 Comments

  • Nicha
    # มกราคม 19, 2020
    Reply

    ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ค่ะ เป็นบทความการสมัครงานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยค่ะ

    • Sitthinunt
      # มกราคม 20, 2020
      Reply

      ขอบคุณครับ ดีใจที่เป็นประโยชน์นะครับ

      สามารถลองเอาไอเดียที่อ่านในบทความนี้มาใช้กับ Magnetolabs ได้นะครับ เรากำลังตามหาทีมอยู่หลายคนครับ https://magnetolabs.com/career/ 🙂

Leave Your Comment