1
SHARE

5 ตัวอย่างการพัฒนาทีมงานให้เก่งขึ้นในทุกๆ วัน

การพัฒนาทีมงานถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่บริษัทของเรา Magnetolabs ให้ความสำคัญ สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่าการที่ทุกคนในบริษัทพัฒนาขึ้นนั้นจะทำให้เกิดประโยชน์จะเกิด 3 ต่อ

ต่อที่ 1 คือประโยชน์ต่อตัวพวกเขาเอง ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วทุกคนอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าตัวเองในเมื่อวานทั้งนั้น การพยายามกระตุ้นให้ทีมงานพัฒนาตัวเองอยู่เสมอๆ จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นไม่ว่าพวกเขาจะอยู่กับบริษัทของเราต่อหรือไปทำงานที่อื่นต่อไปก็ตาม

ต่อที่ 2 คือประโยชน์ต่อบริษัท เมื่อคนเก่งขึ้น บริษัทก็จะเก่งขึ้น เมื่อมีงานที่ยากขึ้นและท้าทายขึ้น ตัวบริษัทเองก็จะพร้อมรับมือกับความยากและความท้าทายนั้นๆ

ต่อที่ 3 คือประโยชน์ต่อลูกค้า เมื่อทั้งคนและทั้งบริษัทเก่งขึ้น ตัวลูกค้าเองก็จะได้รับบริการที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน

จะเห็นได้ว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาขึ้นของทีมงานนั้นส่งแรงกระเพื่อมต่อเป็นทอดๆ และการพัฒนาของพวกเขาเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

ในบทความนี้ผมจะมาแชร์วิธีการพัฒนาทีมงานตามสไตล์ของ Magnetolabs ให้คุณได้อ่านดู หวังว่าจะได้ประโยชน์นะครับ 🙂

วิธีที่ 1: ทุกคนจะต้องมี Ownership ในโปรเจ็กต์

คำว่า Ownership ในที่นี้คือคนทุกคนไม่ว่าใครก็ตามในบริษัทจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจน

คนที่เป็น Junior อาจจะเริ่มจากงานที่ไม่ได้ยากมากนักก่อน ทั้งนี้คอนเซปต์ที่เราใช้ก็จะเป็นการถีบให้ตกน้ำ ให้หัดว่ายด้วยตัวเองก่อน เพราะเขาต้องพัฒนาตัวเองด้วยอัตราเร่ง แต่ทั้งนี้ผมและ Senior ก็จะถือห่วงยางรอไว้อย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าจะให้อธิบายให้เห็นได้ชัดคือหนึ่งใน Task ของผมและ Senior ในบริษัทที่ต้องทำทุกสัปดาห์คือการ Guide และให้ Feedback กับคนที่เป็น Junior (งานงานนี้เป็นหนึ่งใน OKR ของผมและคนที่เป็น Senior ขึ้นไปทุกคน)

เพราะการดูคนอื่นทำ ยังไงก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีเท่าการลงมือทำเองและต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ

วิธีที่ 2: เปิดโอกาสให้ทำงานนอกเหนืองานหลัก

การได้ลองอะไรใหม่ๆ จะทำให้ได้มุมมองและความคิดใหม่ๆ

ถ้าคนไหนที่ทำงานหลักได้อยู่ตัวและทำออกมาได้ดีอย่างสม่ำเสมอแล้ว พวกเขามีโอกาสที่จะได้ลองทำงานอื่นในสายที่ใกล้เคียงเพื่อเปิดโลกให้กับตัวเอง เช่น ถ้า Graphic Designer อยากทำงานที่เกี่ยวกับ User Experience หรือ User Interface Design สำหรับเว็บ  หรือ Developer อยากลองเอาเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน เราก็จะเปิดโอกาสให้ได้ลองทำ โดยที่เริ่มต้นทำกับ Sandbox (พื้นที่ทดลอง) ที่บริษัทของเราเป็นเจ้าของก่อนอย่างเว็บไซต์ของ Magnetolabs เองและเว็บไซต์ Content Shifu

การได้ทำงานใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนืองานหลัก นอกจากจะทำให้คนคนนั้นมีความรู้มากขึ้นแล้ว ในหลายๆ ครั้งยังจะส่งผลให้งานหลักของเขาดีขึ้นอีกด้วย (ถ้าตามตัวอย่างด้านบน Graphic Designer ก็จะมีมุมมองความคิดที่เป็น Customer Centric มากยิ่งขึ้น ส่วน Developer ก็จะขยายฐานความรู้ของตัวเองเพื่อนำความไปใช้กับลูกค้าได้)

วิธีที่ 3: เรียน

การเรียนรู้ไม่ควรที่จะหยุดอยู่เพียงแค่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ยิ่งในโลกปัจจุบันที่องค์ความรู้เก่าๆ ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว คนทุกคนจึงจำเป็นต้องอัปเดตความรู้ของตัวเองอยู่ตลอด

โดยวิธีการเรียนรู้ที่ Magnetolabs มักจะทำเพื่อพัฒนาทีมงานเสมอๆ คือ

1. การเรียนคอร์สออนไลน์

ปัจจุบันนี้มีคนทำคอร์สออนไลน์ดีๆ มาสอนมากมาย สิ่งที่ Magnetolabs ทำคือมอบหมายให้การเรียนเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเดือนแรกๆ ของ Employee Onboarding โดยคอร์สที่เรามอบหมายให้ทีมงานไปเรียนนั้นก็จะมีทั้งคอร์สออนไลน์ต่างประเทศและคอร์สออนไลน์ของ Content Shifu (ที่พวกเราสร้างขึ้นมาเอง)

2. งานอีเวนต์ออฟไลน์

นอกจากคอร์สออนไลน์แล้ว งานอีเวนต์ออฟไลน์ไม่ว่าจะเป็น Meetup Conference หรือคอร์สเรียนก็เป็นสิ่งที่เราพยายามสนับสนุนให้ทีมงานเข้าร่วมเช่นเดียวกัน และเนื่องจากว่าเว็บไซต์ของเราอย่าง Content Shifu เป็นทั้ง Media และทั้ง Academy ก็เลยมีโอกาสเข้ามาค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็นงาน Conference ต่างๆ (อย่างเช่น ณ ตอนที่เขียนอยู่นี้เราก็ได้บัตร Media ของงาน Creative Talk Conference มา ซึ่งเราก็เอาบัตรมาให้กับทีมงานได้ไปอัปเดตความรู้กัน) หรือคอร์สอบรมต่างๆ ที่ทาง Content Shifu จัดขึ้นมา (อย่างเช่นในปีที่ผ่านมาก็มีทั้งคอร์ส Content และคอร์ส SEO) ทีมงานของเราก็ได้มีโอกาสเป็นทั้งนักจัดงานและนักเรียนในเวลาเดียวกัน

วิธีที่ 4: สอน

แนวคิดแบบ Learning Pyramid บอกไว้ว่า “การสอน” เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นนอกจากการที่เราสนับสนุนเรื่องการเรียนรู้แล้ว การถ่ายทอดความรู้ออกมาด้วยการสอนคนอื่นๆ ก็เป็นสิ่งที่เราให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน

โดยที่การสอนในความหมายของบริษัทเราคือ “การทำคอนเทนต์” ซึ่งสิ่งที่เราพยายามกระตุ้นให้ทุกคนในบริษัททำมีอยู่ 2 อย่างคือ 1. เขียนบทความ (ถ้าคุณลองเข้าไปดูในหน้า Blog ของเราคุณจะเห็นได้ว่ามีนักเขียนหลายคนผัดเปลี่ยนกันมาแชร์ความรู้กันแบบแทบจะไม่ซ้ำหน้าเลย จริงๆ แล้วหลายๆ คนในนั้นไม่ใช่นักเขียน แต่ทุกคนที่เขียนนั้นเชื่อมั่นในพลังแห่งการแชร์ความรู้ครับ 🙂 )

นอกจากการสอนด้วยการเขียนบทความแล้ว บริษัทของเรายังมีจัดงาน Internal Meetup เล็กๆ ที่ชื่อว่า “Magnetotalk” อย่างเป็นประจำอีกด้วยครับ (ในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะจัดทุกสัปดาห์ครับ) โดยธีมงานนี้คือใครจะมาแชร์อะไรก็ได้ที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับคนในบริษัทครับ ในปีที่ผ่านมาก็จะมีคนมาแชร์เรื่องที่น่าสนใจมากมายอย่างเช่น “10 ฟังก์ชันลับของ Excel ที่คุณอาจไม่เคยรู้” “30 ขรรมไทยที่คนมรรคจาซาโกดผิด (30 คำไทยที่คนมักจะสะกดผิด)” หรือ “คีย์ลัดของ Macbook ที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานของคุณดีขึ้น”

สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่มาแชร์แทบจะทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การที่จะต้องออกมาแชร์ทำให้เขาต้องไปศึกษาข้อมูลในเรื่องนั้นๆ เพิ่มเติม ซึ่งทำให้เขารู้เรื่องนั้นๆ มากขึ้นไปโดยปริยายครับ

วิธีที่ 5: หนังสือดี ซื้อได้ฟรี

วิธีสุดท้ายคือการสนับสนุนเรื่องการอ่าน เรามักจะบอกทีมงาน ท้ังทีมปัจจุบัน คนที่กำลังจะเข้ามาใหม่ คนที่มาสัมภาษณ์งาน อยู่เสมอๆ ว่าหนึ่งในสวัสดิการของบริษัทเรา (จริงๆ ไม่รู้ว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าสวัสดิการได้ไหม ฮา) คือถ้าคุณคิดว่าหนังสือเล่มไหนดีมีประโยชน์กับตัวคุณและกับเพื่อนร่วมงาน ซื้อมาแล้วเอามาเบิกได้

ยิ่งอ่านเยอะ โลกจะยิ่งเปิดกว้าง

Question: “How do you build a rocket?”

Elon Musk: “I read books.”

สรุป

ถ้าเราอยากให้ทีมงานพัฒนา หน้าที่ของเจ้าของบริษัทอย่างเราก็คงจะเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีรวมไปถึงการเป็นตัวตั้งตัวตีให้เกิดการพัฒนาในบริษัท

มีข้อคิดจากเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่ผมชอบและเห็นด้วยมากๆ คือ ในบริษัทแห่งหนึ่ง CFO ถามกับ CEO ว่า “What happens if we invest in developing our people and then they leave us? – จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราลงทุนในคนของพวกเราแล้วพวกเขาก็จากไป?”

CEO ของบริษัทถามกลับสั้นๆ ว่า “What happens if we don’t and they stay? – แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่ลงทุนแต่พวกเขาอยู่กับเราไปเรื่อยๆ?”

มาลงทุนลงแรงกับหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดในบริษัทของคุณกันนะครับ 🙂

ป.ล. ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทหรือหัวหน้างานแต่เป็นคนที่กำลังหางานอยู่ และอยากที่จะร่วมเรียนรู้ ถ่ายทอดความรู้ และพัฒนาตัวเองไปกับเรา ลองเข้าไปดูในหน้า Career นะครับ เรากำลังเปิดรับเพื่อนร่วมงานที่รักการพัฒนาตัวเองอยู่หลายตำแหน่งเลย
New call-to-action

New call-to-action

Author

Sitthinunt

Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast
Managing Partner ของ Magnetolabs หลงใหลในเรื่อง Inbound Marketing หรือการตลาดแบบแรงดึงดูด เวลาว่างจากการเขียนคอนเทนต์ หรือตั้งค่า Marketing Funnel มักจะอ่านหนังสือ บน Kindle อันเล็กๆ หรือไม่ก็ฟังนักธุรกิจ/นักการตลาดคนโปรดคลุกเรื่องเล่าเคล้าเรื่องราวบน Podcast

Related Blog

2 Comments

  • Theerapol Piamsumrith
    # ธันวาคม 24, 2019
    Reply

    Thank you krub, it’s a good article.

    • Sitthinunt
      # มกราคม 6, 2020
      Reply

      Thank you krub!

Leave Your Comment