update-seo-trends
92
SHARE

7 เทรนด์การทำ SEO ประจำปี 2022 ที่ห้ามพลาด

เมื่อขึ้นปีใหม่สายคอนเทนต์ นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ เอเจนซี่ ต่างต้องเสิร์ชหา “อัปเดตเทรนด์การทำ SEO ประจำปี 2022” เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าการทำ SEO ต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ โดยในปีหน้าที่จะถึงนี้มีหลายเทรนด์ที่น่าจับตามองไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ล้ำไปไกล โลกของ Metaverse หรืออุปกรณ์สุดล้ำต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อการทำ SEO อย่างแน่นอน บทความนี้ Magnetolabs จึงรวบรวมเทรนด์ที่น่าสนใจสำหรับสาย SEO ไว้ให้แล้วที่นี่

อัปเดตเทรนด์ SEO ปี 2022 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

1. AI จะครองโลกการทำ SEO! พบกับ MUM (Algorithm ใหม่ของ Google)

ในปี 2022 AI จะมีผลต่อการทำ SEO มากกว่าที่ผ่านมา สืบเนื่องจากบริษัท Google ได้ประกาศตัวเป็น AI First Company โดยจะนำเจ้าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาใช้ในทุก Product และ Service ซึ่งรวมไปถึงบริการ Search Engine ที่เราใช้กันเป็นประจำทุกวันด้วย นอกจากเรื่องของข้อมูล Stat และ User Signals ที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญและมีผลต่อ Algorithm ยังมีสิ่งใหม่ๆ ที่คนทำ SEO ต้องเรียนรู้

update-seo-trends

Google มีการพัฒนา AI และ Algorithm ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องโดยมีจุดประสงค์ให้ AI ฉลาดและสามารถแสดงผลการค้นหาได้ถูกต้องและตอบโจทย์ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเว็บไซต์ให้ตรงความต้องการของผู้ใช้ (User Intent) มากที่สุด

ล่าสุด Google ได้ประกาศว่าพวกเขากำลังจะใช้ Algorithm ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Multitask Unified Model หรือเรียกสั้นๆ ว่า MUM (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) MUM มีความสามารถมากกว่า BERT ถึง 1000 เท่า บอกเลยว่าครั้งแรกที่เราเห็นบทความของ Google ที่เขียนถึง Algorithm ตัวใหม่เราถึงกับร้องว้าวเพราะมันล้ำมากจริงๆ

เจ้า MUM นี้มีความฉลาดมากกว่า Algorithm ตัวก่อนๆ และจะเข้ามามีผลต่อการทำ SEO โดยตรง! มาดูกันว่า Google เขาพัฒนา AI ให้ล้ำอย่างไรและในมุมของคนทำ SEO ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

More Visual: MUM ถูกพัฒนาวิธีการค้นหาให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้นและตอบโจทย์การพัฒนาของโลก Metaverse ด้วยการเน้นเรื่อง “การแสดงผล” มากกว่าเดิม เช่น

  • ฟีเจอร์ Google Lens การค้นหาด้วยภาพ
  • แสดงผลการค้นหาให้น่าอ่านกว่าเดิมด้วยรูปภาพ วิดีโอ และไฟล์ GIF
  • ฉลาดล้ำกว่าเดิมด้วยการเพิ่มคำถามเกี่ยวกับรูปภาพที่เราถ่าย
update seo trends
ตัวอย่างฟีเจอร์ Google Lens

 

ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นได้อย่างไร? ลองจินตนาการดูว่าคุณสามารถค้นหาข้อมูลได้โดยไม่ต้องพิมพ์ และใช้เพียงแค่ภาพถ่าย
– เคยไหมเวลาที่เราเจอแมลงหน้าตาประหลาดที่ไม่รู้ว่ามันอันตรายหรือไม่ แต่กลับเสิร์ชหาข้อมูลไม่ได้เพราะเราไม่รู้ชื่อ
– เคยไหมเวลาที่เจอเสื้อผ้าที่ถูกใจและอยากซื้อบนโลกออนไลน์แต่กลับเสิร์ชหาด้วย Keyword ไม่เจอ

ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณนำ “สิ่งที่เห็น” ไปค้นหาข้อมูลบน Google ได้ทันที โดยไม่ต้องนึกคีย์เวิร์ดที่จะเสิร์ช นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์คำถามที่เราสงสัยเพิ่มเติมให้ Google ช่วยหาคำตอบได้อีกด้วย

คล้ายๆ กับเครื่อง Pokedex ที่เราเคยเห็นกันในวัยเด็ก

More User Experience: พัฒนาการค้นหาให้ตรงใจ User มากยิ่งขึ้น

  • มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การค้นหาด้วยเสียง
  • ฟีเจอร์แปลภาษาอัตโนมัติ
  • ศึกษาข้อมูลความชอบของ User และคัดเลือก Rankbrain ให้แสดงผลการค้นหาเหมาะสมกับ User
  • มีคำตอบและคำถามที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้ User เสมอ
  • เลือกคำค้นหาและคำตอบให้เป็นข้อความหรือคีย์เวิร์ดที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • รองรับ Online Shopping มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างฟีเจอร์ Google Search ที่มี MUM Algorithm ช่วยแสดงผล

 

ในมุมของคนทำ SEO เราจึงต้องพัฒนาเนื้อหาให้ตอบโจทย์ User และ MUM Algorithm มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากเนื้อหาที่ถูกต้อง การจัดหน้าให้ตอบโจทย์ การเลือกใช้ Keyword และ Stats ต่างๆ ยังมีสิ่งสำคัญที่คุณต้องรีบ Optimize ด่วนๆ เลย คือ

การเพิ่มเนื้อหาที่แสดงผลทาง Visual อย่างการใส่ภาพและวิดีโอ ที่สำคัญต้องไม่ลืมใส่ Caption, Description และ Alt-Text ด้วย เพื่อให้ MUM ค้นหาเราเจอได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ คนทำ SEO ยังต้องพัฒนาเนื้อหาให้มีทั้ง “คำถาม” และ “คำตอบ” อยู่เสมอ รวมทั้งปรับเนื้อหาให้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ Voice Search ที่เป็นเทรนด์การทำ SEO ในข้อถัดไป

2. การค้นหาด้วยเสียงจะเพิ่มขึ้น

ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มอบความสะดวกสบายให้กับพวกเราอย่าง Google Assistant, Siri จาก Apple และ Alexa ของ Amazon ทำให้ความนิยมการใช้ Voice Search เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยืนยันด้วยข้อมูลจากเว็บไซต์ PWC ที่ได้จัดทำสถิติการใช้ Voice Search และพบว่า

65% ของคนอายุตั้งแต่ 25 – 49 ปี มีการค้นหาด้วยเสียง โดยคนส่วนมากใช้ฟีเจอร์ค้นหาด้วยเสียงอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน และคาดการณ์ว่า ในปี 2022 จะมีคนเป็นเจ้าของอุปกรณ์ Assistant สั่งการด้วยเสียงเพิ่มขึ้นถึง 71%

update-seo-trends
ภาพสถิติการใช้ Voice Search ของคนแต่ละช่วงวัย

 

update-seo-trends
Market Share ของ Voice Assistant ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.semrush.com/blog/voice-search-local-seo/

 

ในเมื่อเทรนด์ Voice Search ได้รับความนิยมสูงขึ้นจากเทคโนโลยีที่เติบโตประกอบกับ AI ของ Google ก็มีการพัฒนาให้ตอบโจทย์การค้นหาด้วยเสียง

เราจะทำ SEO ให้ตอบโจทย์ Voice Search ได้อย่างไรบ้าง?

ก่อนจะตอบคำถามข้อนี้เรามาดูสถิติที่น่าสนใจกันก่อน คนส่วนใหญ่ใช้ Voice Search ทำอะไรหรือถามหาคำตอบเรื่องอะไรบ้าง?

update seo trends voice search statistic
หัวข้อที่คนนิยมใช้ Voice Search ช่วยหาคำตอบ ขอบคุณข้อมูลจาก ​​https://financesonline.com/voice-search-statistics/

 

จากสถิติเหล่านี้ Magnetolabs ขอสรุปให้ ดังนี้

1. ทำคอนเทนต์ให้เป็นภาษาพูด (Conversational but Concise Content)

การใช้ Voice Search จะทำงานได้ดีกับประโยคที่ยาวและเป็นธรรมชาติ ดังนั้น ใช้ประโยคที่แตกต่างจากการพิมพ์เพื่อค้นหาข้อมูลเสมอ ลองเปรียบเทียบความแตกต่างของประโยคที่ใช้เพื่อพิมพ์ค้นหากับประโยคที่เราจะใช้เพื่อค้นหาด้วยเสียง

“วิธีทำ Inbound Marketing” กับ “ฉันจะทำ Inbound Marketing ได้ยังไง?”

“วิธีเปลี่ยนหลอดไฟห้องน้ำ” กับ “ฉันจะเปลี่ยนหลอดไฟห้องน้ำได้อย่างไร”

ประโยคหลังเป็นวิธีค้นหาแบบ Voice Search ซึ่งมีความแตกต่างจากการพิมพ์เพื่อค้นหาแบบเดิมมาก เห็นได้จากภาษาที่เป็นกันเองกว่า และเน้น Sentences /Long-tail Keyword มากกว่า Keyword ทั่วไป

2. ทำคอนเทนต์ที่เป็นทั้ง “คำถาม” และ “คำตอบ” (Create Frequently Asked Questions)

คอนเทนต์ที่มีทั้งคำถามและคำตอบเกี่ยวกับหัวข้อของคอนเทนต์ครบจบในเนื้อหาจะโดนใจ Algorithm ใหม่ของ Google เพราะ MUM เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ User มองหา

3. เพิ่มเนื้อหาด้าน Location และเพิ่มข้อมูลธุรกิจ (Local Search & Google My Business)

จากสถิติเราจะเห็นว่าคนใช้ Voice Search ค้นหา Location เป็นหลัก ดังนั้น หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์อย่าลืมเพิ่ม Location ในคอนเทนต์และไปอัปเดตข้อมูลธุรกิจบน Google My Business ด้วยล่ะ!

4.พัฒนาเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Friendly)

มือถือยังคงเป็นอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่คนนิยมใช้ Voice Search ฉะนั้นคุณต้องปรับปรุงเว็บไซต์โดยคำนึงถึงผู้อ่านผ่านมือถือด้วยเพื่อทำให้ User ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด เพราะถึงแม้คุณจะทำ SEO ให้ดีเพื่อให้คนค้นหาคุณเจอได้แล้ว แต่หน้าตาการใช้งานและเนื้อหาคือสิ่งสำคัญที่จะดึงให้ User อยู่บนหน้าเว็บคุณได้นานที่สุด

การปรับเนื้อหาทั้ง 4 ประเด็นนี้จะช่วยตอบโจทย์เรื่องที่ User หา และพฤติกรรมการใช้ Search Engine ของ User จาก Voice Search อย่างมาก

update-seo-trends

3.กลยุทธ์การทำ SEO ที่ดีต้องมีวิดีโอ

อย่างที่เราบอกไปในข้อ 1 ว่า MUM Algorithm ตัวใหม่จาก Google จะเน้นการแสดงผลแบบ Visual มากขึ้น ประกอบกับโลก Metaverse ที่กำลังเข้ามาทำให้การแสดงผลแบบ Visual ยิ่งจำเป็นกว่าเดิม และสถิติที่น่าสนใจยังชี้ให้เห็นตรงกันว่า Video เป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่นๆ

Tiktok โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มวิดีโอได้รับความนิยมจากทั่วโลกพุ่งสูงสุดในปี 2020 – 2021

Social Media และ E-Commerce Website ต่างก็พัฒนาให้รองรับ Video และ Streaming ไปตามๆ กัน

Youtube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ที่มั่นคงมานานถึง 16 ปี (ก้าวเข้าสู่ปีที่ 17) และมี Google เป็นเจ้าของ

สถิติที่น่าสนใจ คือ ผู้บริโภคกว่า 52% มีความมั่นใจในตัวสินค้ามากขึ้นเมื่อได้ดูวิดีโอแนะนำเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ

จึงสรุปได้ว่าการใช้ Video ประกอบการทำ SEO เป็นแนวทางการทำคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หากคุณทำคอนเทนต์ Video บน Youtube ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงธุรกิจของคุณได้อีกด้วย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณอยากปูพื้นฐานและเรียนรู้เรื่อง SEO ให้แน่นกว่าเดิม สามารถพักดู Video เทคนิคการทำ SEO จากนักเขียน Magnetolabs ก่อนได้นะคะ

4.ช่องทางการเข้าถึงจะเปลี่ยนไป

update-seo-trends

ข้อมูลจากเว็บไซต์ cobuildlab.com คาดการณ์ว่า User กว่า 73% จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์มือถือพกพาเพียงอย่างเดียวภายในปี 2568 ประกอบกับเทรนด์ Metaverse ที่กำลังเติบโตทำให้ในปีหน้าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของ User อาจใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี Reality อย่าง Virtual Reality หรือ Augmented Reality กันมากขึ้น

บริษัท Facebook หรือ Meta มีแผนที่จะรวมข้อมูลในรูปแบบ 2D เข้ากับ 3D จึงผลักดันสื่อประเภท Visual มากขึ้น เพราะในปีหน้าเหล่า User ที่กำลังท่องโลก Metaverse อยู่อาจจะต้องการค้นหาข้อมูลไปพร้อมกัน

แนวทางการทำคอนเทนต์ให้เน้น Visual จึงใช้ได้กับการทำ SEO เช่นเดียวกัน ในมุมคนทำ SEO ต้องปรับปรุงคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับอุปกรณ์เหล่านี้ ปรับหน้าเว็บและโครงสร้างให้ Mobile Friendly ประกอบกับใช้ Visual ในคอนเทนต์เพื่อรองรับการค้นหาและแสดงผลผ่านอุปกรณ์ Reality

5. Sub Keyword มีความสำคัญมากขึ้น

โดยปกติเรามักจะทำบทความ SEO ด้วยการเลือกใช้ Keyword หลักเพียงคำเดียว แต่ในปี 2022 การพัฒนาความสามารถของ Algorithm ทำให้ Sub Keyword ที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับ Keyword หลักมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

Sub Keyword หรือ คีย์เวิร์ดรอง คือ การเลือกคีย์เวิร์ดอีกหนึ่งคำเข้ามาใส่ในบทความโดยให้ความสำคัญและปริมาณใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น “การทำ SEO” กับ “วิธีทำ SEO” สองคำนี้มีความหมายคล้ายกันและพูดถึงเรื่องเดียวกันจึงสามารถนำไปใส่ในบทความเดียวกันได้ แต่อย่าลืมคำนึงถึงบริบทของเนื้อหาให้ออกมาเป็นธรรมชาติที่่สุดด้วย

update-seo-trends

6. Social Listening ช่วยการทำ SEO ให้ปังกว่าเดิม

กลยุทธ์นี้เป็นวิธีเด็ดที่จะช่วยทำให้คอนเทนต์ของคุณตอบโจทย์ User มากยิ่งขึ้น Social Listening คือ “การฟัง” เสียงตอบรับใน Social จากหลากหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น Social Media, Direct Message และกระดานสนทนา โดยเสียงตอบรับ (Feedback) เหล่านี้อาจมาในรูปแบบของการรีวิว การพูดถึง การวิจารณ์ แฮชแท็กแบรนด์ คำถาม และข้อสงสัย

ไม่ว่าจะเกี่ยวกับธุรกิจของคุณหรือคู่แข่ง ข้อมูลเหล่านี้สามารถหยิบมาทำเป็นคอนเทนต์ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ยังนำข้อมูลไปพัฒนาธุรกิจหรือสินค้าของคุณได้อีกด้วย

ในยุคนี้นอกจากวิธีการทำ Social Listening ด้วยตัวเองผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว ยังมี Social Listening Tools อีกหลายตัวที่จะช่วยคุณฟังเสียงของสังคมได้ เช่น Mandala, Mention.com, TweetDeck, Google Alerts และ GoogleTrend เป็นต้น

update-seo-trends

7. คอนเทนต์ที่ถูกหลักการ EAT Principal ของ Google จะติดแรงก์ที่สูงกว่า

Expertise, Authoritativeness และ Trustworthiness คือสามคำหลักที่ต้องท่องให้ขึ้นใจ เพราะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Google จัดอันดับคอนเทนต์เราว่าเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ และคู่ควรกับ User

Expertise: มีความเชี่ยวชาญ ทำคอนเทนต์ด้วยการเขียนสิ่งที่คุณเข้าใจดี เขียนให้ลึก ละเอียด ยาว แต่เข้าใจง่าย มี Visual ประกอบเข้าไว้

Authoritativeness: ความเป็นเจ้าของ เพื่อป้องกันการ Duplicate เนื้อหา คอนเทนต์ของเราควรเป็นคอนเทนต์ที่เขียนเองและน่าเชื่อถือ โดยหากมีส่วนไหนที่อ้างอิงก็ควรใส่อ้างอิงให้ถูกต้อง คะแนนความเป็นเจ้าของยังมาจากการที่เว็บไซต์หรือเนื้อหาของเราไปปรากฏอยู่บนสื่อหรือเว็บไซต์ใหญ่ๆ ทำ Backlink กลับมาหาเราเพื่ออ้างอิงพราะมองว่าเราเป็นเจ้าของคอนเทนต์เหล่านี้ได้อีกด้วย

Trustworthiness: มีความน่าเชื่อถือ เพิ่มความน่าเชื่อถือของเนื้อหาด้วยการอ้างอิงแหล่งที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือเสมอ นอกจากนี้ Google ยังมีการให้คะแนน “ผู้เขียน Author” อีกด้วย

การทำ SEO ไม่ใช่แค่การทำเนื้อหาหรือการเขียนบทความให้ติดอันดับเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการทำเว็บไซต์ให้พร้อมติดอันดับที่สูงขึ้นด้วย หากคุณไม่แน่ใจว่าเว็บไซต์คุณพร้อมหรือยัง ลองดาวน์โหลด Checklist Website Level Up! เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ธุรกิจให้พร้อมตามเทรนด์การทำ SEO 2022 ได้เลย

สรุป

การทำ SEO บนโลกออนไลน์ไม่ใช่แค่การตลาดและการโฆษณาแต่เป็นการลงทุนที่ได้ผลลัพธ์อย่างน่าประทับใจหากคุณจับทางได้ถูก ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ นักเขียน นักการตลาด หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่กำลังสร้างตัวตน SEO จะทำให้คุณนำผลลัพธ์ไปต่อยอดได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ SEO ยังเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Inbound Marketing แนวทางการตลาดแบบดึงดูดอีกด้วย

การทำ SEO นับเป็นความท้าทาย เพราะ Google มักพัฒนา Algorithm ของ AI ใหม่ตลอดเวลา ในปีหน้าเราคงได้อ่านบทความอัปเดตเทรนด์การทำ SEO ในปีถัดไปอีกแน่นอน

การเรียนรู้อดีตทำให้เราเข้าใจปัจจุบันและตามทันอนาคต คุณสามารถอ่าน เทรนด์ SEO 2021 เพื่อทำความเข้าใจพร้อมเรียนรู้การพัฒนาและเปลี่ยนแปลงของ SEO ได้ตั้งแต่วันนี้

การเรียนรู้ไม่ควรสิ้นสุดที่หนังสือเล่มเดียว 🙂 บทความก็เช่นกัน คุณสามารถเรียนรู้เรื่องการทำ SEO จากบทความคุณภาพของ Magnetolabs เพิ่มเติมได้ที่นี่

Author

Thitirath

ผู้กำลังตกหลุมรักงานเขียน จาก Social Marketing ผันตัวมาเป็น Content Writer
ผู้กำลังตกหลุมรักงานเขียน จาก Social Marketing ผันตัวมาเป็น Content Writer

Related Blog

Leave Your Comment